https://drivemasterpage.blogspot.com/

Nissan Kicks รถไฟฟ้าพร้อม Power bank ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟเวลาแบตหมด เพราะแค่เติมน้ำมันเท่านั้น อารมณ์เหมือนขับรถกอล์ฟพ่วงเครื่องปั่นไฟไปด้วย


                 Kicks คือรถรุ่นใหม่ของค่าย Nissan ที่มีกระแสตั้งแต่ยังไม่เปิดตัว แฟนบอยเรียกร้องอยากเห็นตัวจริงๆ และอยากลองขับ แต่หลังจากเปิดตัวก็เป็นเวลาหลายเดือนมาก กว่ารถจะลงที่โชว์รูมให้ได้เห็นหรือได้ทดลองขับกัน เป็นที่น่าเสียดายมากๆ (สาเหตุที่ส่งรถได้ล่าช้า มีหลายกระแสมากไม่ว่าเป็น Supplier ได้ส่งชิ้นส่วนแล้วมีปัญหาทำให้ต้องทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะประกอบเป็นรถ หรือกระแสที่ว่าต้องผลิตส่งญีปุ่นที่เป็นตลาดหลักของรถไฟฟ้าพ่วงเครื่องปั่นไฟ) สาเหตุที่ผมเรียกว่ารถไฟฟ้าพ่วงเครื่องปั่นไฟ ก็เพราะเป็นรถที่ใช้กำลังไฟฟ้าขับมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์เป็นหลัก และเครื่องยนต์ก็มีหน้าที่แค่ปั่นไฟเข้าแบตเตอร์รี่เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากรถไฮบริดค่ายญีปุ่นเจ้าอื่นๆ ที่เครื่องยนต์ยังทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนและมีมอเตอร์ไฮบริดเป็นตัวช่วยเสริมแรงอีกที ดังนั้นโดยคอนเซ็ปของ Kicks มีความเป็นรถไฟฟ้ามากกว่าคันอื่นๆ 
                ถ้าเปรียบเทียบความเป็นรถไฟฟ้าจากมากไปน้อย ของรถทั่วไปที่ขายในบ้านเรา จะเป็นแบบนี้
 Nissan Leaf=MG ZS EV >Nissan Kicks > Honda Accord Hybrid > Toyota Camry=CHR Hybrid
                 Leaf, ZS EV เป็นรถไฟฟ้าตัวจริง ใช้กำลังมอเตอร์ขับเคลื่อน ที่ต้องชาร์จไฟที่บ้านและแบตมีขนาดใหญ่ ส่วน Kicks นั้นยังมีเครื่องยนต์ และแบตมีขนาดเล็ก เสียบชาร์จไฟที่บ้านไม่ได้ เพราะใช้แป๊ปเดียวก็หมด ส่วน Accord มีความเป็นรถไฟฟ้ามากกว่า Camry เพราะมีมอเตอร์ตัวใหญ่กว่า และแบตเก็บไฟได้เยอะกว่าทันสมัยกว่า 
          Nissan Kicks เป็น B-segment Crossover ที่เป็นรถไฟฟ้าพ่วงเครื่องปั่นไฟ โดยแบ่งเป็น 2 เกรด 3 ราคาดังนี้
    1. e-Power 95kW VL (2 tone Int.)  ราคา 1,059,000 บาท (สีภายใน 2 โทน)
    2. e-Power 95kW VL                      ราคา 1,049,000 บาท   
    3. e-Power 95kW V                        ราคา    999,000 บาท
          ช่วงเปิดตัวจะมี 4 เกรด S, E, V และ VL แต่เวลาขายจริงตัวเหลือแค่ 2 เกรด V กับ VL เพื่อให้ง่ายต่อการผลิต
          อุปกรณ์พื้นฐาน
สำหรับเกรด V 
    - กระจังหน้าสีดำ ขอบโครเมียม
    - แผงกันกระแทกด้านข้างสีดำขอบเงิน
    - ไฟหน้า LED พร้อมไฟเลี้ยว Signature Light
    - ไฟ DRL แบบ LED
    - ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ
    - ไฟตัดหมอก LED
    - ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรค LED
    - กระจกมองข้างปรับ พับ ไฟฟ้า พับเก็บเมื่อล๊อครถ พร้อมไฟเลี้ยว LED
    - เสาอากาศ Shark Fin
    - ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
    - เบาะหนังสีดำ 
    - เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
    - เบาะหลังพับได้ 60:40
    - คอนโซลหน้าตบแต่งหุ้มหนังสีดำพร้อมเดินตะเข็บด้าย
    - ภายในตบแต่งสีดำ เปียโนแบล็ค และสีเงิน
    - พนักเท้าแขนด้านหน้าพร้อมช่องจ่ายไฟ USB 2 ช่อง
    - พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมวิทยุ จอแสดงผล และ Cruise Control
    - กุญแจอัจฉริยะ
    - ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
    - ปุ่มปรับโหมดการขับขี่
    - ปุ่ม EV mode
    - ระบบขับขี่แบบ One Pedal
    - มาตราวัดแบบ TFT 7 นิ้ว
    - ที่บังแดดด้านคนขับพร้อมกระจก
    - ที่บังแดดด้านผู้โดยสารพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง
    - วัสดุตบแต่งแผงประตูบริเวณที่ท้าวแขนแบบหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำ
    - ไฟอ่านแผนที่
    - ไฟห้องสัมภาระท้าย
    - มือจับเหนือหน้าต่าง 4 ตำแหน่ง
    - แอร์อัตโนมัติ
    - วิทยุหน้าจอ 8 นิ้วพร้อมระบบ Bluetooth, USB, Aux พร้อม Apple Car Play
    - ลำโพง 6 ตัว
    - ถุงลม 4 ตำแหน่ง คู่หน้า และด้านข้าง
    - เบรคมือไฟฟ้า พร้อม Auto brake hold
    - สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง
    - ระบบความปลอดภัย VDC, HSA, IRC, ITC
    - ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า  IFCW
    - ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัฉริยะ IEB
    - ระบบช่วยเตือนเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA
    - ระบบตรวจวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวรอบคันจากกล้องรอบคัน 

สำหรับเกรด VL สิ่งที่เพิ่มจากเกรด V
    - ภายนอกสี ทูโทน ขึ้นอยู่กับสีภายนอก ยกเว้นสีเงินและสีดำ
    - สีภายในสีดำ หรือ ทูโทนสีดำ-ส้มแทน ขึ้นอยู่กับสีภายนอก
    - กระจกมองหลังปรับลดแสง พร้อมกล้องส่องภาพจากภายนอกท้ายรถ
    - ที่บังแดดด้ด้านคนขับเพิ่มไฟส่องสว่าง
    - วัสดุตบแต่งแผงประตูบริเวณที่ท้าวแขนแบบหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำ-ส้มแทน สำหรับภายในทูโทน
    - แผงบังสัมภาระด้านท้าย
    - ถุงลม 6 ตำแหน่ง เพิ่ม ม่านนิรภัยด้านข้าง
    - ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ICC
    - ระบบเตือนจุดอับสายตา BSW
    - ระบบเตือนรถสวนขณะถอยหลัง RCTA


มาว่ากันที่รุ่นที่ได้ถ่ายรูปรีวิวให้ชมกัน เป็นเกรด VL ภายใน 2 โทน หรือตัวท๊อปสุดนั้นเอง  

ภายนอก

ภายนอกเป็นสีส้มโมนาร์ช พร้อมหลังคาสีดำ 
ความสวยว่ากันตามรสนินมของแต่ละท่านเลย สำหรับแอดมินก็กลางๆ ใช้ได้ แต่ดูขนาดจะเล็กกว่า B-Crossover รุ่นอื่นๆในตลาด

   ด้านข้างมีตบแต่งแถบสีเงินที่ชายล่าง

ซุ้มล้อมีขอบพลาสติคสีดำ ไม่ทำสี เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ตามแบบฉบับ Crossover สมัยนี้

ด้านท้ายกันชนมีคาดแถบสีดำ พร้อมชายล่างแบบดิฟฟิวเวอร์ในตัว ไฟท้าย LED

ด้านหน้ากระจังหน้าสีดำเงาตบแต่งสีเงินที่ขอบและส่วนของตะแกรง ไฟหน้า LED ไฟตัดหมอก LED โลโก้นิสสันเป็นพลาสติคสีเงินที่มีเซ็นเซอร์เรดาร์ซ่อนอยู่ภายใน


ไฟหน้า LED แบบ  Multi Reflector

สังเกตุจะเห็นหลอด LED อยู่ด้านบน ที่จะส่องแสงลงมาและสะท้อนกับ Reflector สีเงินเพื่อส่องแสงไปด้านหน้าของรถยนต์

ไฟตัดหมอก LED พร้อมกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา

   ไฟท้าย ไฟเบรค LED แต่ไฟเลี้ยวไฟถอยยังเป็นหลอดธรรมดา

มือขับประตูสีเดียวกับตัวรถ (ขออภัยรูปสีเพี้ยน) พร้อมปุ่มล๊อคประตูแบบอัฉริยะ

กระจกมองข้างสีดำเงา พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และกล้องมองด้านข้าง

แตรเป็นแตรตัวเดียว (ไม่ใช่ Low-Hi) เสียงแบบน่ารักๆ ซ่อนไว้หลังกระจังหน้า 

กล้องมองรอบคันด้านหน้า ซ่อนอยู่ในกระจังใต้โลโก้นิสสัน

เสาอากาศแบบ Shark Fin

   สปอยเลอร์หางหลังในตัว พร้อมระบบฉีดน้ำกระจกหลัง


ล้ออัลลอย 17 นิ้ว กว้าง 6.5 นิ้ว พร้อมยางขนาด 205/55/17 ของ Yokohama BluEarth เน้นเงียบ ประหยัดน้ำมัน

   ซุ้มล้อหลังบุฉนวนกำมะหยี่เพื่อลดเสียงดัง

ซุ้มล้อหน้า บุพลาสติคธรรมดา เพราะไม่ได้เน้นเก็บเสียงเนื่องจากอยู่นอกห้องโดยสาร

   บริเวณใต้ท้องด้านหลังเปิดโล่งไม่มีแผ่นปิด แต่ก็เรียบร้อยกว่า Corolla Cross Hybrid
(รูปนี้พิสูจน์ว่าไม่มีการพ่นกันสนิมมาจากโรงงาน แต่ในโรงงานจะเป็นการชุบ ED กันสนิมตั้งแต่ก่อนพ่นสีตัวถัง ดังนั้นกันสนิมสีดำ จะเป็นการพ่นแถมหยาบๆจากศูนย์ ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่จำเป็น ถ้าไม่ขับอยู่ใกล้น้ำทะเลหรือ ลุยน้ำบ่อย ก็พ่นได้ตามความสบายใจของคนใช้)

ด้านใต้ท้องของช่วงล่างด้านหน้า

ด้านใต้ท้องบริเวณส่วนกลางรถ ไม่มีแผ่นปิดเพื่อรีดอากาศแบบรถรุ่นอื่นๆ

ภายใน

คอนโซลหน้าเหมือนของนิสสันอัลเมล่า เรียบง่าย ไม่ถึงกับหรูหรา  เป็นพลาสติคแข็งขึ้นรูปเป็นหลัก มีบุหนังนุ่มเฉพาะส่วนที่เป็นสีส้ม และมีการเดินตะเข็บด้ายจริง ความหรูหราใกล้เคียงกับ Corolla Cross แต่ก็เป็นรอง CX30 ทั้งคู่


พวงมาลัยหุ้มหนัง ตบแต่งด้วยสีเงิน มีปุ่มควบคุมต่างๆ 

ช่องแอร์เป็นช่องกลมๆบิดๆ แบบรถเมล์ ขสมก. ตามสมัยนิยม ตบแต่งขอบดำเงา 

วิทยุหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว แอร์ออโต้ไม่แยกซ้าย-ขวา

ทริมตบแต่งด้านขวาบุนุ่มจริงๆมาถึงช่องแอร์ด้านคนขับนะครับ ไม่ใช้หลอกลวงเป็นพลาสติคแข็งๆเหมือน Corolla Cross

ด้านล่างขวาเป็นปุ่มเปิดฝากระโปรงหน้า และฝาท้ายไม่ใช่ไฟฟ้านะครับ

เกียร์เป็นแบบไฟฟ้าโยกแล้วกลับมาที่เดิม เดินหน้าผลักไปทางขวาแล้วดึงลง ถอยหลังผลักไปทางขวาแล้วดันขึัน เกียร์ P กดปุ่มกลมๆด้านล่าง ด้านบนซ้ายปุ่ม Drive Mode ปรับรูปแบบการขับขี่ ปุ่มกลาง EV ดึงลงเป็นการขับด้วยโหมดไฟฟ้าแบบเงียบ ปุ่มสีฟ้าปุ่มสตาร์ทและดับเครื่อง

ช่องใส่ของด้านหน้าฐานเกียร์ มีช่องเล็กๆ พร้อมช่องต่อไฟเอนกประสงค์และช่อง USB 1 ช่อง

   หน้าปัทม์เรียบง่าย ด้านซ้ายเป็นจอ TFT 7 นิ้วแสดงสถานะต่างๆ ด้านขวาเป็นเข็มความเร็วแบบอนาลอค

ภายในดูกว้างขวางกว่าขนาดภายนอก รูปแบบการตกแต่งจะเป็นสไตล์เหมือนอัลเมล่า 

เบาะหุ้มหนังสีดำ-ส้มแทน ตัวเบาะเหมือนจะมีฟองน้ำหนานุ่มและแน่นกว่าอัลเมล่านิดๆ แต่ไม่แน่นสู้ Corolla Cross และ CX30

เบาะหน้าเป็นปรับมือทั้ง 2 ตัว ฝั่งคนขับปรับสูง-ต่ำได้

        แผงประตูหน้าเป็นพลาสติคแข็งขึ้นรูปเป็นหลัก มีแค่ส่วนสีส้มเท่านั้นที่เป็นหุ้มหนัง หุ้มหนังเทียมในส่วนที่เท้าแขน เรื่องวัสดุยังสู้ Corolla Cross HRV และ CX30 ไม่ได้


ในหลุมดึงปิดประตู มีแผ่นฟองน้ำง๋อยๆ ปิดแผ่นนึง ดูไม่เรียบร้อยสู้ HRV ไม่ได้เลย

ปุ่มควบคุมหน้าต่างและกระจกข้างเป็นปุ่มเหมือน Note Almera หน้าต่างเป็น Auto เฉพาะบานคนขับ จริงๆแล้วควรจะเป็นคู่หน้าเป็นอย่างน้อยได้แล้ว รถราคาล้านกว่าบาทแล้ว

   ที่มุมเสา A มีตุ่มสีขาวๆ ไฟจะสว่างสำหรับระบบเตือนมุมอับด้านข้างมีรถมา
    มีที่ท้าวแขน บุหนังเทียบมาให้ด้านบน เก็บของได้ขนาดกำลังพอดี

คอนโซลกลางถัดลงมาจากฐานเกียร์ ข้างที่ใส่แก้วน้ำ 2 ใบ เป็นปุ่มเบรคมือ และ Auto Brake Hold

    คันนี้คืออีกคันที่เป็นตัวอย่างของภายในสีดำล้วน

สำหรับพื้นที่ด้านหลัง 

   เบาะหุ้มหนังสีทูโทนดำ-ส้มแทน ตัวเบาะไม่สั้น ไม่ยาว นั่งพอได้ 

   หลังที่ท้าวแขนด้านหน้า มีช่องเสียบชาร์จ USB 2 ช่อง อันนี้ดีงามมากๆ ดีกว่า Corolla Cross เยอะมากที่งกช่องเสียบ USB

   
พื้นที่ Legroom สำหรับคนสูง 170 ซม. เหลือไม่ถึง 1 คืบ

พื้นที่วางเท้าเบาะหลัง เหลือกำลังพอดี ไม่อึดอัดเกินไป

พนักพิงเบาะหลังปรับระดับไม่ได้ ค่อนข้างตั้งชันไปนิด

   เบาะใช้ Supplier คู่บุญเจ้าประจำของนิสสัน NHK Spring

แผงประตูเป็นพลาสติคแข็งเกือบทั้งบาน บุ่นุ่มหุ้มหนังเฉพาะส่วนสีส้ม สู้ Corolla Cross ไม่ได้ แต่ดีกว่า CHR

   เบาะหลังพับแล้วไม่แบนราบ เช่นเดียวกับ Corolla Cross

พื้นที่เก็บสัมภาระด้ายท้าย ขนาดพอใช้ได้ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่ น่าจะใกล้เคียง CX30 แต่แล็กกว่า Corolla Cross และ HRV แน่นอน

ใต้แผ่นด้านท้าย มีชุดปะยางฉุกเฉิน ไม่มียางอะไหล่มาให้ เพื่อลดน้ำหนัก และลดต้นทุน

   สำหรับภายนอกทูโทน หลังคาสีดำ เป็นสีจริง ไม่ใช้สติคเกอร์แบบรถราคาเกือบ 2 ล้านบางรุ่น ใช้ยาวๆทนๆ

ตัวอย่างภายในด้านหลังสำหรับตัวภายในสีดำล้วน ก็จะดูดำๆ และแคบกว่าทูโทน

   มีมือจับเหนือหน้าต่างทั้ง 4 บาน

มีไฟส่องกลางห้องโดยสาร

ผ้ายาง+พรม ที่มาพร้อมตัวรถ ไม่ใช่ของแถม สวยงามและเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องไปใส่ผ้ายางแบบ 3D 4D 5D ให้เทอะทะ ถอดออกเทยาก และเลื่อนไปเลื่อนมาให้อันตรายด้วย อันนี้แอดมินชอบมาก ชมนิสสันเลย อยากให้ทำแบบนี้มาใส่ทุกรุ่นเลย

ขายึดฐานเบาะเป็นแบบเปลื่อย ไม่มีพลาสติคหุ้ม ตามสมัยลดต้นทุนนิยม

เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า

เครื่องยนต์ไม่ใช้ส่วนประกอบหลักสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ แต่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นส่วนกำลังหลักในการขับเคลื่อนรถคันนี้ 

    - มอเตอร์ไฟฟ้า EM 57

    - ชนิด AC3 Synchronous Motor

    - แรงม้า 129 PS / 4,000-8,992 รอบต่อนาที

    - แรงบิด 260 n-m./500-3,008 รอบต่อนาที

    - ระบบส่งกำลังเป็น Auto Single Speed Gear Reduction

  เครื่องยนต์

    - HR12DE

    - 3 สูบ DOHC 12V CVTC

    - จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ECCS ควบคุมด้วย ECU 32 bit

    - ขนาดกระบอกสูงกว้าง X ระยะชัก 78.0 X 83.6 มม.

    - ความจุ 1,198 cc.

    - แรงม้า 79 PS / 6,000 รอบต่อนาที

    - แรงบิด 103 n-m. / 3,000-5,200 รอบต่อนาที

    - อัตราส่นกำลังอัด 12.0 : 1

    - ถังน้ำมันจุ 41 ลิตร

ระบบช่วงล่าง

    - ด้านหน้า อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง

    - ด้านหนัง ทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง

ระบบพวงมาลัย

    - พาวเวอร์ไฟฟ้า

ระบบเบรค

    - หน้าดิสท์เบรค แบบจานมีช่องระบายความร้อน

    - หลังดิสท์เบรค 

 


   คานหน้าพ่นแค่สีรองพื้นล้วนๆ ไม่มีการพ่นสีรถใดๆ

   ชุดกล่องควบคุมระบบไฟฟ้าและมอเตอร์ขับเคลื่อน



สายไฟก็ยังงานหยาบตามสไตล์นิสสัน ไม่เรียบร้อยแบบ โตต้า ฮอนด้า








ทดลองขับและสมรรถณะการขับขี่

                    การทดลองขับจังหวะแรกที่สตาร์ทเครื่องยนต์จะไม่ติดถ้ามีแบตเพียงพอ หรือแม้ตอนจังหวะที่เครื่องยนต์ติดเพื่อปั่นไฟแล้วรถจอดอยู่กับที่ เสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสารก็เงียบกว่าของ Corolla Cross แบบชัดเจน เพราะอีกเจ้าเสียงเครื่องดังโวยวายเข้ามาในห้องโดยสารชัดเจนมาก การเก็บเสียงเวลาขับถือว่ากลางๆ ดีกว่า Corolla Cross แต่ไม่เงียบเท่า CX30 
                     การขับแบบ One Pedal ครั้งแรก หลังจากที่กดคันเร่งลองไป รถจะเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ถ้าเราถอนคันเร่ง รถจะหน่วงแบบชัดเจนเหมือนเบรคหัวทิ่ม ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้ลองขับจะเป็นเหมือนกัน ขณะขับคลานๆ แล้วถอนคันเร่งรถจะหน่วงกว่ารถเกียร์ออโต้ทั่วไปเยอะมาก และเผลอๆหน่วงกว่ารถเกียร์แมนนวลอีกด้วย แต่เมื่อเราได้ขับความเร็วเดินทางที่สูงขึ้น การหน่วงเวลาถอนคันเร่งก็จะกำลังดี สมูทมาก ขับได้ง่าย ขับสักพักก็ชิน ถ้าเป็นคนที่มีการกดคันเร่ง-ถอนคันเร่งที่สมูทเวลารถทั่วไปอยู่แล้ว น่าจะขับได้สบายๆ ไม่มีปัญหา และน่าจะชอบคันเร่งแบบ One Pedal แบบนี้ด้วย แต่คนที่ชอบเท้าหนัก กดคันเร่งแบบหนักๆ หรือปกติควบคุมคันเร่งไม่ค่อยสมูท คนนั่งในรถชอบเมารถและเวียนหัว แบบนั้นอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวนานหน่อย แต่ Accel. work นุ่มๆแบบผม ไม่มีปัญหา ชอบเลย ขับเดินทางแทบไม่ต้องกดเบรคเลย แต่ถ้าใช้งานรถติดๆคลานๆ อาจจะต้องปรับตัวสักระยะนึง เพราะยังไงก็หัวทิ่มอยู่บ้าง
                 อัตราเร่งกับแรงบิด 230 nm เทียบเท่ารถเครื่อง 2,000-2,500 cc NA แบบเดิมๆ แต่พอขับจริงก็ดึงกลางๆ ไม่ได้มากอย่างที่คิด เร่งได้แรงดึงพอๆกับ CX30 แรงดึงมากกว่า Cross Hybrid ชัดเจน และดึงมากกว่า Cross เบนซินตัวเริ่มนิดนหน่อย ถ้าเทียบกับรถไฟฟ้า Leaf ที่เคยขับ Kick จะแรงดึงน้อยกว่า 10-20% ได้ แรงบิดน่าจะสนุกและแรงสำหรับคนที่ขับรถเครื่องยนต์ 1,200-2,000 cc. NA มาก่อน แต่สำหรับคนที่เคยใช้รถเครื่องเทอร์โบ หรือแม้แต่ City 1.0 Turbo ก็อาจจะเฉยๆ ไม่ตื่นเต้นกับอัตราเร่งของ Kicks สักเท่าไหร่ 
                  เบรค ด้วยความที่มีมอเตอร์ช่วยหน่วงเหมือนเป็น Engine Brake อยู่แล้ว ทำให้เบรคไม่ต้องทำงานหนัก และถ้ามีการกดเบรคเพิ่มก็เหมือนเป็นการเสริมแรงเบรค ทำให้เบรคหัวทิ่มได้เลย ดังนั้นเรื่องเบรคหมดกังวลไปได้เลย สำหรับ Kicks
                  พวงมาลัย น้ำหนักเบา แต่เหมือนจะหน่วงและหนักกว่า Almera ถ้าการขับในภาพรวมหนักและหน่วงพอๆกับ Corolla Cross แต่สู้ CHR หรือ CX30 ไม่ได้ ทั้งแรงหน่วงในความเร็วต่ำและความเร็วสูง ขับยังไม่ให้ความมั่นใจได้เท่า CHR CX30 จังหวะหักพวงมาลัยแรกๆ จะมีอาการหยุ่นๆด้วยซ้ำ 
                   ช่วงล่างก็เป็นอีกจุดที่เป็นกลางๆ นุ่ม หนึบ แน่นกว่า Cross นิดๆ จังหวะแรกๆจะเหมือนหยุ่นๆสักหน่อย ต้องอาศัยความคุ้นเคย แต่งจังหวะยุบเยอะๆ จะให้ความมั่นใจกว่า Cross แต่ภาพรวมก็ยังไม่มั่นใจเท่า CHR และ CX30 

สรุปภาพรวม

                นิสสัน Kicks เป็นการมาเติมเต็มช่องว่าง รถไฟฟ้าในอุดมคติของผม สำหรับเมืองไทยได้ส่วนนึง รถไฟฟ้าที่ผมต้องการคือ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แบตมีขนาดใหญ๋ ชาร์จไฟบ้านเป็น Plug-in ได้ด้วย นอกจากนี้ก็มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กสัก 600 cc. ที่สามารถปั่นไฟ เติมน้ำมันได้เวลาขับไปทางไกลเกินจนแบตที่ชาร์จไฟบ้านไว้หมดแล้วได้ด้วย ขนาดรถเป็น C-segment ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านนี้เป็นรถไฟฟ้าในฝันของผมเลย ในระยะเวลา 1-5 ปีจากนี้ แต่สิ่งที่ Kicks ยังขาดไป คือ แบตขนาดใหญ่ ที่สามารถ Plug-in ได้ วัสดุภายในที่สวยสมกับราคา 1 ล้าน ขนาดที่ใหญ่กว่านี้อีกหน่อย เครื่องยนต์ที่เล็กกว่านี้ เอาเท่าที่จำเป็นและเพียงพอในการปั่นไฟเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1,000 cc ก็พอ
                นิสสัน Kicks คันนี้ตอบโจทย์ใคร ก็คนที่ขับรถในเมืองเป็นหลัก ต้องการใช้รถไฟฟ้าแบบเกือบเต็มตัว  พักอาศัยอยู่คอนโดไม่มีที่เสียบไฟชาร์จ ต้องการรถที่ดูทันสมัย เป็นวัยรุ่น ขนาดกำลังดีสำหรับขับในเมือง รับได้กับราคา เมื่อเทียบกับ Corolla Cross เบนซินธรรมดา Kicks ก็จะดูคุ้มกว่า แต่ถ้าเทียบกับ Corolla Cross Hybrid ก็จะมีความคุ้มโดยขึ้นกับมุมมองและความต้องการของแต่ละคน
   - คนที่ต้องการรถขนาดใหญ่แบบ BC-segment เป็นหลัก Corolla Cross Hybrid Smart ก็จะดูคุ้มกว่า ในงบที่จ่ายใกล้กัน แม้จะขาดระบบความปลอดภัยแบบ advance
   - คนที่ต้องการรถประหยัดที่สุดเวลาวิ่งในเมือง ไม่ต้องการรถคันใหญ่ ต้องการระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็มครบๆ ต้องการ Auto Brake Hold ก็จะมองว่า Kicks VL มีความคุ้มค่ากว่า Cross Hybrid Smart 
                   แล้วคุณล่ะเป็นแบบไหน ?


* สนใจติดตาม Drive Master Face Book Page ได้ทางลิ้ง : https://www.facebook.com/DriveMasterPage/?ref=bookmarks ** ทาง Drive Master ขอสงวนลิขสิทธ์ข้อมูลและเนื้อหา ห้ามนำเนื้อหาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งส่วนใดในเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Drive Master *** ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น