ก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยขับ Suzuki Swift ตัวเก่ามาก่อน และเป็นรถที่ผม ไม่ค่อย ให้ความสำคัญด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ ผมเองได้ลองขับ Eco car และ B segment มาแล้วก็หลายคัน แต่หลังจากที่ตัวใหม่เปิดตัว ทำให้ตัวผมเองก็เปิดใจไปทดลองขับ Suzuki Swift และไหนๆก็ไปลองขับทั้งที ก็ต้องลองขับรุ่นพี่ที่ยินมาว่าเป็นรถที่ขับดี แต่คนพูดถึงน้อยอย่าง Suzuki Ciaz ไปด้วยเลยแล้วกัน
ก่อนอื่น ผมขออ้างอิง Eco car และ B-segment ที่เคยขับมาก่อนนะครับ
- Honda City 2013
- Jazz
- Ford Fiesta Ecoboost 1.0
- Mazda 2 1.3 / 1.5 diesel
- Toyota Yaris Ativ 2017
ซึ่งรถเหล่านี้อาจจะมีส่วนใดส่วนนึงที่ผมทำการเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
ตามคอนเซ็ป ที่เราจะแบ่งการรีวิวออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน
- ส่วนแรก รายละเอียดของตัวรถ อุปกรณ์ ออฟชั่น
- ส่วนเปรียบเทียบสมรรถนะการขับขี่
เรามาเริ่มกันที่ส่วนแรก
Suzuki Swift ตัวนี้มีด้วยกันอยู่ 4 เกรด เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังเหมือนกันทุกเกรด
1. GA CVT 499,000 บาท
2. GL CVT 536,000 บาท (+37,000 บาท)
สิ่งที่ได้เพิ่ม
- ปุ่มเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้าประตูด้านหลังซ้ายขวา
- ระบบเซ็นทรัลล็อก
- กุญแจรีโมทพร้อมไฟกระพริบเวลาเปิด ปิด
- ที่เปิดฝาท้ายแบบกลไกไฟฟ้า
- วิทยุ MP3
- ช่องเชื่อมต่อUSB
- ช่องเชื่อมต่อ AUX
- แผงบังแดดแบบมีกระจกแต่งหน้า พร้อมช่องใส่นามบัตร
- เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
- หัวเบาะแบบแยกส่วนกับตัวเบาะคู่หน้า
- หัวเบาะแบบแยกส่วน 3 ต่ำแหน่งที่เบาะหลัง
- ไฟ DRL ที่กันชนหน้ารถ แยกกันกับไฟหน้า
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พับมือ
- มือจับประตูสีเดียวกับสีตัวรถ
- ที่ปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา แบบตั้งเวลาได้
- ระบบเตือนกันขโมย
จากสิ่งที่ได้เพิ่มด้านบนทั้งหมด เทียบกับเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเพียง 37,000 บาท หรือ ต้องผ่อนเพิ่มเดือนละ 803 บาท/เดือน* ทำให้เห็นได้ชัดว่าเงินนั้นคุ้มค่า* ที่จะเพิ่มจาก เกรด GA (ที่แทบจะเป็นรถดิบๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีวิทยุ ) ซึ่งถ้าเน้นใช้งาน ออฟชั่นพื้นฐานครบๆ ผมแนะนำเกรดนี้
*ในกรณีคิดเป็นเงินผ่อน ดอกเบี้ย 1.99% 48 เดือน
3. GLX CVT 609,000 บาท (+73,000 บาท)
สิ่งที่ได้เพิ่ม
- พวงมาลัยหุ้มหนัง
- พวงมาลัยปรับระยะเข้าออกได้ Telescopic
- ปุ่มควบคุมโทรศัพท์บนพวงมาลัย
- ระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control และปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
- ระบบเปิดประตูโดยไม่ต้องกดรีโมท Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start
- แอร์ Auto
- วิทยุที่เพิ่มระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ Bluetooth
- ลำโพงด้านหลัง พร้อม ลำโพงคู่ Tweeter ที่ด้านหน้า รวมทั้งหมด 6 ตัว
- จอหน้าปัทม์ แบบมี LCD แสดงผลที่ตรงกลาง พร้อมแสดงความเร็วเฉลี่ย
- สัญญาณเตือนเมื่อลืมกุญแจ
- กระจังหน้าแบบสปอร์ต พร้อมแถบเส้นสีแดง
- ไฟหหน้าแบบ Projector LED ปรับระดับสูงต่ำได้จากปุ่มในรถ
- ไฟ DRL แบบรวมอยู่ในไฟหน้า
- ไฟตัดหมอกด้านหน้า
- กระจกมองข้างแบบพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- ไล่ฟ้ากระจกมองหลัง
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว
- ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย
- เบรคหลังเป็นดิสท์เบรค (Eco car ตัวอื่นเป็น ดรัมเบรค ทุกเกรดนะครับ)
ถ้าต้องการได้ออฟชั่นแบบตัวท๊อป ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม พร้อมใช้งาน ไม่ต้องเป็นเปลี่ยนล้อเป็นล้อแม็ก เกรด GLX ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ผ่อนเพิ่มจากเกรด GL 1,584 บาทต่อเดือน*
*ในกรณีคิดเป็นเงินผ่อน ดอกเบี้ย 1.99% 48 เดือน
4. GLX NAVI 629,000 บาท (+20,000 บาท) รุ่นท็อป เพิ่มเติม วิทยุเป็นจอ 7 นิ้วพร้อมระบบนำทางเท่านั้น ซึ่งถ้าใครปกติเปิดแผ่นที่จากโทรศัพท์ และไม่ต้องการจอทัสสกรีน อาจไม่จำเป็นต้องเอาตัว Navi แต่เครื่องเสียงของตัว Navi ดีกว่าเพราะผลิตโดย BOSCH
- ภายนอก
ด้านหน้า: คันสีขาวในรุปนี้เป็นตัว GLX แต่ได้ตกแต่งพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ชุดแต่งรอบคัน
อุปกรณ์มาตราฐานของ GLX ในรูป กระจังแบบสปอร์ตพร้อมแถบแดง,ไฟหน้า LED projector พร้อม DRL ในโคม, ไฟตัดหมอก เป็นต้น
ภายนอกมุมเฉียง ก็ดูโค้งเว้ารับกันมากขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเก่า อุปกรณ์มาตราฐานเกรด GLX ในรูป ได้แก่ ล้อแม็ก 16 นิ้ว, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
คันน้ำเงินนี้เป็นเกรด GL สิ่งที่แตกต่าง ได้แก้ ไฟหน้า Halogen แบบ Reflector, ไม่มีไฟตัดหมอก, ไฟ DRL แยกจากไฟหน้ามาอยู่เหนือช่องปิดไฟตัดหมด, กระจังแบบซี่ๆ ไม่มีแถบสีแดง
ด้านข้าง สังเกตุ มือจับประตูหลังหายไปจากต่ำแหน่งปกติ ย้ายไปอยู่ด้านบน ตามสมัยนิยม เหมือน Honda HRV , Toyota CHR ให้อารมณ์รถคูเป็ แต่อาจจะเปิดใช้งานยากกว่าแบบเดิมหน่อย
ชายล่างด้านข้าง ร่องมือจับโครเมียม เป็นอุปกรณ์ตบแต่งพิเศษ จากตัวรถเกรด GLX
จากรูปนี้จะเห็นขนาดของประตูหลังและมือจับที่แถบด้่านบนสีดำชัดเจน
ด้านท้าย: คันนี้เป็นเกรด GL ซึ่งโดยส่วนหลักๆ แล้วจะเหมือนรุ่น GLX ไม่ว่าจะเป็นไฟท้าย ไฟเบรคดวงที่ 3
ไฟหน้าของเกรด GLX จะเป็น LED Projector พร้อม DRL ในโคม
ส่วนไฟหน้าของรุ่น GL และ GA เป็นแบบ รีแฟคเตอร์ หลอดไฟสีเหลือง ปกติเหมือนรถทั้วไป
ฝาครอบที่ปิดไฟตัดหมอกโคมเมียมเป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
- ภายใน
เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ตแบบหุ้มผ้าทุกเกรด (ไม่มีหุ้มหนัง นอกจากตกแต่งเพิ่ม) พร้อมปีกเบาะทั้งด้านข้างและด้านต้นขา เพื่อความกระชับระหว่างขับขี่ ถือว่าเบาะไม่ยาว ไม่สั้นเกินไป นั่งสบายกำลังดี และดีกว่า Yaris Ativ ถึงแม้เบาะจะเหมือนสั้นกว่า Suzuki Ciaz แต่กับนั่งสบายกว่า พอดีกว่า
เมื่อมองมุมเฉียง จะพบกับความร่วมสมัยของภายใน Swift ไม่ว่าเป็นเบาะ แผงคอนโซล พวงมาลัยตัดขอบล่างแบบรถยุโรปราคาแพง รวมๆทำให้ห้องโดยสาร ทันสมัย และสวยงาม
แผงประตูหน้าบุผ้านุ่มตรงจุดเท้าแขน
เบาะหลังจะมีทรงที่ค่อนข้างแบนราบ เพื่อให้สามารถพับเบาะได้แนบสนิท ต่างจากทรงเบาะหน้าสิ้นเชิง ความสบายและความกระชับขณะนั่ง จึงเป็นรองเบาะหน้าแน่นอน ตัวเบาะด้านล่างมีความยาว ใกล้เคียง Eco car คันอื่นๆ แต่ก็มี Leg room ที่อาจเป็นรอง Yaris Ativ นิดนึง
แผงประตูหลังเป็นพลาสติคฉีดแข็งทั้งบาน ไม่มีบุผ้านุ่มตรงจุดวางแขนเหมือนเบาะหน้า เป็นการลดต้นทุนอย่างนึง และแบ่งชนชั้นคนนั่งหน้า นั่งหลังชัดเจน มุขเดียวกับ Toyota CHR แต่ต่างกันที่ราคา CHR แพงกว่าเกือบ 2 เท่าของ Swift แต่ก็ยังลดต้นทุน
ในเกรด GLX จะมีมือจับทั้ง 4 ต่ำแหน่ง แต่รุ่น GA และ GL จะมีแค่คู่หน้าเท่านั้น (แต่ CHR ไม่มีคู่หลังในทุกเกรด สำหรับรถราคา 1 ล้านซะงั้น)
ภายในของ GLX จะตรงกลางจะประกอบด้วย ช่องแอร์ 2 ช่อง ปุ่มไฟฉุกเฉินอยู่ตรงกลาง พร้อมแถบพลาสติคสีขาวมีรูๆ ตบแต่งที่คอนโซลหน้า ถัดลงมาเป็นวิทยุ และ ปุ่มควบคุมแอร์ตามลำดับ
รุ่น GLX วิทยุจะเป็นแบบทัชสกรีน 7 นิ้ว และปุ่มปรับเสียงแบบสัมผัส ซึ่งจากประสบการณ์ในการใช้งานทั้งของตัวเอง และลูกค้าทั่วไป จะชอบแบบปุ่มหมุ่นมากกว่า เพราะง่ายในการควานหาระหว่างขับขี่ แต่สามารถชดเชยจุดนี้ โดยเลี่ยงไปใช้ปุ่มปรับเสียงบนพวงมาลัยแทนได้
รุ่น GL จะเป็นวิทยุ พร้อม Blutooth เชื่อมต่อโทรศัพท์แบบนี้
ปุ่มควบคุมแอร์ Auto จะประกอบด้วยปุ่มเหลี่ยมๆ 4 ปุ่มระหว่างวงกลม 3 วง
ซ้ายบน : ปรับโหมดทิศทางลม
ซ้ายล่าง : ปรับอากาศหมุนเวียนภายใน ภายนอก
ขวาบน : ปุ่มปิดแอร์
ขวาล่าง : ปุ่มเปิด ปิด A/C
ส่วนวงกลม 3 วงประกอบไปด้วย
วงซ้าย : หมุนปรับความแรงพัดลม ภายในมีปุ่มไล่ฟ้าหน้า และ ไล่ฟ้าหลังด้านล่าง
วงกลาง : จอแสดงโหมด ความแรงพัดลม และอุณหภูมิ
วงขวา : ปรับอุหภูมิทั้งคัน ไม่มีแยกซ้ายขวา
พวงมาลัยเป็นหุ้มหนังสำหรับเกรด GLX และเป็นหุ้มยูรีเทนสำหรับเกรด GA และ GL เป็นทรงตัดล่าง
พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่ด้านซ้าย ปุ่ม Cruise Control ที่ด้านขวา และ ปุ่มรับ-วางซ้ายโทรสัพท์ในช่องที่ 8 นาฬิกา
ก้านสวิตซ์ด้านซ้ายปรับใบปัดน้ำฝนและฉีดน้ำกระจก หน้า-หลัง ก้านสวิตซ์ด้านขวาเปิดปิดไฟหน้า และไฟตัดหมอก เหมือนรถญีปุ่นปกติ
หน้าปัทม์เป็นแบบวงกลม 2 วง ที่ห้อมล้อมด้วยแถบโลหะสีเงินภายใน และแสงสีแดง พร้อมกรอบ Visor ที่มีแถบสีอลูมิเนียม เพื่อให้มีมิติ วงกลมซ้ายแสดงวัดรอบ และอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น วงกลมขวาแสดงความเร็ว และระดับน้ำมันในถัง และตรงกลางระหว่างวงกลมมีจอแสดงผล LCD โดยรวมๆ ให้อารมณ์สปอร์ต สวยงาม คล้าย Mazda 3 และ มีมิติกว่าของ Yaris Ative เยอะเลย
ด้านท้ายจุของเป็นรอง Yaris Ative อย่างแน่นอนด้วยความที่เป็นรถ 5 ประตูท้ายตัด และคิดว่าจุได้น้อยกว่า Yaris 5 ประตูนิดนึง คันสีฟ้าใส่ถาดท้ายรถ เป็นอุปกรณ์ตบแต่งเพิ่มเติม
- ล้อและยาง
ล้อและยาง มีขนาดแตกต่างกัน
เกรด GA และ GL เป็นล้อกระทะเหล็ก พร้อมฝาครอบพลาสติค ขนาด 175/65 15 นิ้ว
เกรด GLX เป็นล้ออลูมิเนียม ขนาด 16 นิ้ว ยางขนาด 185/55
ส่วนใหญ่ถ้าแต่งคงเปลี่ยนเป็นล้อ 15 นิ้ว หรือล้อ 17 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่นิยมและยางถูก หรือ คุ้มกว่ายาง 16 นิ้ว
- เครื่องยนต์
จากทั้งเครื่องยนต์แบบหัวฉีดคู่ และโครงสร้างตัวถังใหม่ ซึ่งคล้ายๆกับ Mazda 2 SkyActive ที่โฆษณาอยู่ทุกวัน แต่ผลงานของ Suzuki กลับได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างและค่อนข้างเหนือกว่า Mazda ในเรื่องของความแรง จากเครื่องยนต์ที่เป็นแค่ฉีดน้ำมันที่พอร์ต ซึ่งต่างจาก Mazda ที่เป็นแบบฉีดตรงในห้องเผาไหม้ (ราคาอะไหล่คงต้องมาเทียบกัน ระหว่างหัดฉีดธรรมดา 2 ตัว กับ หัวฉีดราคาแพง 1 ตัว) จากหัวฉีด Dualjet แบบ 2 หัว การดูแลรักษาก็เหมือนกันรถทั่วไป แต่แค่มีหัวฉีดเพิ่มอีก 4 หัวต่อ 1 คัน ซึ่งต่างจากการดูแลรักษาหัวฉีดตรงในห้องเครื่องแน่นอน
ห้องเครื่องค่อนข้างเป็นรถเบียบ เพราะระบบส่วนใหญ่เหมือนรถปกติทั่วไป ไม่ใช้เครื่องเทอร์โบ หรือ ไฮบริค ที่จะมีระบบพ่วงอื่นๆ ที่ทำให้ห้องโดยสารค่อนข้างรกและไม่เป็นระเบียบ แต่ผมก็เข้าใจความยากของฝ่ายออกแบบในการจัดระเบียบท่อ สายไฟ ภายในห้องเครื่องเป็นงานยากของฝ่าย R&D เลยแหละครับคุณผู้อ่าน
จากรูปห้องเครื่องมีจุดนึงที่ผมรู้สึกขัดใจนิดๆ คือ สายเซ็นเซอร์สีฟ้า ที่มีจุดยึดบริเวณท่อร่วมไอเสีย หรือ Exhaust Manifold นี้อาจจะได้รับความร้อนจากไอเสีย และทำให้สายกรอบแตกชำรุดได้โดยง่าย
มาต่อกันส่วนที่สอง
- ภายในห้องโดยสารและการเก็บเสียง
- ห้องโดยสารด้านหลัง โปร่ง สบาย ดีกว่าตัวเก่า เบาะหลังค่อนข้างตั้งชันไปนิดเมื่อเทียบกับ Ciaz แต่ก็พอๆ กับ Eco car 5 ประตูรุ่นอื่น
Leg room : Ciaz> Yaris Ativ > Swift > Mazda 2
Head room : Swift > Ciaz > Yaris Ativ
- เบาะนั่งด้านหน้า โอบกระชับดีมาก ผมว่าดีกว่า Eco car ทุกคันที่ขายตอนนี้ แม้เบาะจะสั้นกว่า Ciaz ไปนิดนึงก็ตาม แต่นั่งกระชับกว่า Ciaz และรู้สึกว่าเบาะยาวกว่า Yaris Ativ และ Mazda 2
- เบาะหลังไม่ได้นั่งนาน จึงเปรียบเทียบได้ยาก ผมว่าใกล้เคียง Yaris Ativ ในส่วนของเบาะ และเมื่อพับเบาะแล้วไม่เรียบแบน พอๆ กับ Yaris และ Mazda 2
- การเก็บเสียง ผมว่าพอๆกับ Yaris Ativ และ Mazda 2 และน่าจะดีกว่าตัวเก่า
- สมรรถณะและการขับขี่
- ช่วงล่างและการตอบสนอง
ความกระชับ: Fiesta> Mazda 2 > Swift > Yaris Ativ > Ciaz
ความแข็งสะเทือน : Fiesta > Mazda 2 > Yaris Ativ > Swift > Ciaz
สรุปภาพรวมของช่วงล่างที่ผมชอบ
Swift > Fiesta > Mazda 2 > Yaris Ativ > Ciaz
- พวงมาลัยและการตอบสนอง
เป็นจุดที่สาม ที่ผมประหลาดใจเหมือนกัน พวงมาลัย คม กระชับ ระยะฟรีพอเหมาะ กำลังดีกับรถเล็ก เพราะ Mazda 2 ก็คมเกินไป ขับต่างจังหวัดนานๆ อาจจะเหนื่อยล้าได้ Ciazก็ไม่คมระยะฟรีเยอะเกินไป Yaris Ativก็กลางๆ
ความคมกระชับ : Mazda 2 > Swift > Yaris Ativ > Ciaz
ผมว่าการเซ็ตพวงมาลัยแบบนี้ของ Swift เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย น้ำหนักอาจจะมากกว่า yaris Ativ นิดนึง แต่ ผญ ก็ขับได้ไม่ได้หนักมากมายอะไร ผช ก็ขับได้เพราะยังขับได้คม และกระชับกำลังดี (เอาจริงๆ ผมชอบมากกว่า Toyota CHR อีก ทั้ง 2 คันนั้น เซ็ทพวงมาลัยเอาใจคนยุโรปเหมือนกัน)
สรุปภาพรวม
ในภาพรวม Suzuki Swift ใหม่เป็นรถที่ตอบโจทย์คนซื้อ Eco car แบบ 5 ประตูดีที่สุดคันนึง จากรูปทรงรถที่ทันสมัย แอบคล้ายมินิ สามารถแต่งให้ดูสวย ดูดี คล้ายมินิก็ไม่ยาก เครื่องยนต์เร่งได้แรงสุดใน Eco car เครื่องเบนซิล ภายในสวยงาม ดูดี แม้จะมีพลาสติคแข็งเยอะไปหน่อยก็ตามจุดนี้ Mazda 2 บุนุ่มเยอะกว่า พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่เก็บขอบท้ายรถพอๆกับ Mazda 2 และก็แพ้ Yaris ทั้งคู่ พวงมาลัยคมพอๆกับ Mazda 2 ช่วงล่างนุ่ม หนึบที่สุดใน Eco car ราคาอะไหล่ก็คิดว่าพอกับเจ้าอื่นๆ อย่าง Yaris แต่น่าจะถุกกว่า Mazda 2 ศูนย์บริการ คือจุดที่ยังสู้เจ้าตลาดไม่ได้ แต่น่าจะดีกว่ามิสซู
ถ้าคนที่กำลังซื้อ Eco car เปิดใจ ไปลองทดสอบ หรือลองขับ Suzuki Swift สักครั้งนึง อาจจะประหลาดใจ แล้วฟินแบบที่ผมเป็นก็เป็นได้
ส่วนจะเลือกเกรดไหนดีนั้น ถ้าเน้นใช้งาน ฟังค์ชั่นพื้นฐานเพียงพอสำหรับรถสมัยนี้ แนะนำ GL
แต่ถ้าต้องการอะไรที่ครบๆ ออฟชั่นเหมาะสมกับรถยุคนี้ GLX เป็นตัวที่น่าสนใจ ถ้าผมจะซื้อก็คงเป็นเกรดนี้ แต่ถ้าอยากได้จอทัชสกรีนพร้อมเนวิเกเตอร์ ก็คงต้องเพิ่มอีก 2 หมื่น ไป GLX Navi แต่เป็นผม ใช้เนวิ ในโทรศัพท์ดีกว่า ไม่ต้องคอยอัพเดทแผ่นที่ แถมเสียเงินอีก
ปล. ขอบคุณ โชว์รูม Suzuki สาขา บางนาตราด ที่ให้ทดลองขับรถ และเซลล์ที่บริการดีมาก เรียบง่าย ชัดเจน และเป็นกันเอง กว่ารถเจ้าตลาดบางเจ้าซะอีก หลักๆแล้วผมทดลองให้ครบทุกรุ่น ก่อนที่จะเชียร์ให้คนรู้จักที่กำลังจะซื้อ Eco car แต่กลับติดใจซะเอง
ปล 2. ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจอาจจะสอบถามมาหลังไมล์ก็ได้นะครับ ผมจะแนะนำเซลล์ให้ได้
ปล 3. ขอยืนยันว่าผู้เขียน ไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียใดทั้งสิ้น แต่ขอแชร์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อื่นครับ
ปล. ขอบคุณ โชว์รูม Suzuki สาขา บางนาตราด ที่ให้ทดลองขับรถ และเซลล์ที่บริการดีมาก เรียบง่าย ชัดเจน และเป็นกันเอง กว่ารถเจ้าตลาดบางเจ้าซะอีก หลักๆแล้วผมทดลองให้ครบทุกรุ่น ก่อนที่จะเชียร์ให้คนรู้จักที่กำลังจะซื้อ Eco car แต่กลับติดใจซะเอง
ปล 2. ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจอาจจะสอบถามมาหลังไมล์ก็ได้นะครับ ผมจะแนะนำเซลล์ให้ได้
ปล 3. ขอยืนยันว่าผู้เขียน ไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสียใดทั้งสิ้น แต่ขอแชร์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อื่นครับ



























ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น