Benz
C43 AMG เป็นรถที่กำลังเป็นที่โด่งดัง ทาง Drive Master ก็ขอรีวิว C43 AMG Junior แบบ C250 Coupe แทนแล้วกัน (250+63= 313 ทำไมถึงต้อง C313 ???)
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อน
เพื่อให้เพื่อนได้ทราบบรรทัดฐานของการขับรถของตัวผมนะครับ ผมเคยผ่านการใช้งาน รถยนต์ต่อไปนี้มาก่อน
- Accord ไฟท้ายก้อนเดียว ปี 1994 MT
- Accord งูเห่า ปี 2002 AT VTEC
- Civic Dimension 2001 AT VTEC
- Mercedes S Class W126 500SEL V8 5000 cc
- Toyota wish 2003 AT
- City CNG 2013 AT
- BMW 116i 2013
- Honda Stepwagon 2.0 2013 AT
- Accord ไฟท้ายก้อนเดียว ปี 1994 MT
- Accord งูเห่า ปี 2002 AT VTEC
- Civic Dimension 2001 AT VTEC
- Mercedes S Class W126 500SEL V8 5000 cc
- Toyota wish 2003 AT
- City CNG 2013 AT
- BMW 116i 2013
- Honda Stepwagon 2.0 2013 AT
ผมเคยทดลองขับ หรือ ได้มีโอกาสขับรถยนต์เหล่านี้มาก่อน
- Mazda 3 ทุกรุ่น
- Mazda 2 ตัวเก่า และตัวใหม่ทั้ง 1.3 และ 1.5 D
- Mazda CX3 2.0
- Mazda CX5 2.5 และ 2.2 Diesel
- Ford Focus TDCI และ 2.0 โฉมปัจจุบันก่อน 1.5 eco boost
- Ford Ranger 2.2 4 ประตู
- Ford Fiesta 1.6 และ 1.0 Ecoboost
- Toyota Altis ES sport โฉมก่อน Minor change
- Civic 1.5 Hybrid FB
- Civic FD 2.0 และ 1.8
- Honda CRV 2.4 2016
- Honda HRV
- Volvo V60 1.6 turbo
- Volvo V40
- Volvo XC60 T8
- BMW X1 1.8 i โฉมเก่า และ 2.0 Diesel ตัวใหม่
- BMW 320D 320i ตัวปัจจุบัน
- BMW 320D E90
- Subaru XV ตัวเก่า ตัวใหม่
- Subaru Forester 2.0 IP
- Subaru BRZ MT และ AT
- Subaru WRX MT ตัวล่าสุด
- Volkswagen Golf GTI
- Mini coupe S ตัวแรก
- Mercedes SLR
- BMW 520d G30
- BMW 430i
- Audi TT 2017
- Toyota Yaris Ativ
- Toyota CHR 1.8 Hybrid
- Suzuki Swift 2018
- Suzuki Ciaz
- และ อื่นๆ ที่ลืมๆไปแล้ว นึกไม่ออก
- Mazda 3 ทุกรุ่น
- Mazda 2 ตัวเก่า และตัวใหม่ทั้ง 1.3 และ 1.5 D
- Mazda CX3 2.0
- Mazda CX5 2.5 และ 2.2 Diesel
- Ford Focus TDCI และ 2.0 โฉมปัจจุบันก่อน 1.5 eco boost
- Ford Ranger 2.2 4 ประตู
- Ford Fiesta 1.6 และ 1.0 Ecoboost
- Toyota Altis ES sport โฉมก่อน Minor change
- Civic 1.5 Hybrid FB
- Civic FD 2.0 และ 1.8
- Honda CRV 2.4 2016
- Honda HRV
- Volvo V60 1.6 turbo
- Volvo V40
- Volvo XC60 T8
- BMW X1 1.8 i โฉมเก่า และ 2.0 Diesel ตัวใหม่
- BMW 320D 320i ตัวปัจจุบัน
- BMW 320D E90
- Subaru XV ตัวเก่า ตัวใหม่
- Subaru Forester 2.0 IP
- Subaru BRZ MT และ AT
- Subaru WRX MT ตัวล่าสุด
- Volkswagen Golf GTI
- Mini coupe S ตัวแรก
- Mercedes SLR
- BMW 520d G30
- BMW 430i
- Audi TT 2017
- Toyota Yaris Ativ
- Toyota CHR 1.8 Hybrid
- Suzuki Swift 2018
- Suzuki Ciaz
- และ อื่นๆ ที่ลืมๆไปแล้ว นึกไม่ออก
รถ Benz C coupe AMG Dynamic คันนี้เป็น โฉมปี
2016 CBU นำเข้า (ตัวเริ่มต้น Edition
1 3.49 ล้าน) คันนี้เป็นตัว AMG Dynamic ราคา
3.79 ล้าน ความพิเศษชองคันนี้ คือ หลายๆคนที่เห็นจะคิดว่าไป wrap มา แต่จริงๆ แล้วเป็นสีพิเศษ designo selenite grey magno ซึ่งเป็นสีประเภท matte paint หรือสีเทาด้าน
ต่างจากสี metallic ทั่วไป ทำให้ต้องจ่ายค่าสีเพิ่มอีก 2 แสน
เมื่อรวมราคารถก็โดดไปเป็น 3.99 ล้าน (ใกล้เคียงราคา ตัว C43 AMG ประกอบใน 4.1 ล้าน)
โดยผมแบ่งรีวิวแบ่งออก 2
ส่วนนะครับ
1. รายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถ ทั้งภายนอก ภายใน ท้ายรถ เครื่องยนต์ แบบภาษาคนใช้งานนะครับ และ ที่สำคัญผมถ่ายรูปเป็นแบบ Auto กดถ่ายเท่านั้น ไม่ใช้นักถ่ายรูปนะครับ ดังนั้นรูป แสง มุม อาจจะบ้านๆไปหน่อยนะครับ
2. ความคิดเห็นหลักจากการใช้งาน โดยจะเปรียบเทียบกับ City CNG และ BMW 116i และบางอารมณ์เปรียบเทียบกับ Golf GTI, BMW 320i/430i นะครับ โดยเน้นความรู้สึกในการขับขี่เป็นหลักนะครับ
1. รายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถ ทั้งภายนอก ภายใน ท้ายรถ เครื่องยนต์ แบบภาษาคนใช้งานนะครับ และ ที่สำคัญผมถ่ายรูปเป็นแบบ Auto กดถ่ายเท่านั้น ไม่ใช้นักถ่ายรูปนะครับ ดังนั้นรูป แสง มุม อาจจะบ้านๆไปหน่อยนะครับ
2. ความคิดเห็นหลักจากการใช้งาน โดยจะเปรียบเทียบกับ City CNG และ BMW 116i และบางอารมณ์เปรียบเทียบกับ Golf GTI, BMW 320i/430i นะครับ โดยเน้นความรู้สึกในการขับขี่เป็นหลักนะครับ
ส่วนที่ 1:
เริ่มจากภายนอก: บอกตามสายตาผม
เป็นรถรุ่นหนึ่งที่สวยมากแบบสมัยใหม่ เมื่อเทียบกับ w204
coupe ตัวเก่าที่สวยแบบเรียบๆ ทั้งคันผมชอบ Design เกือบทั้งหมดยกเว้นบริเวณท้ายรถด้านข้างของฝากระโปรงถัดจากเสา C ที่มันดูลีบไปนิดนึง เวลามองตรงๆจากด้านท้าย ถ้าเปรียบเป็นผู้หญิงก็เป็น
ผญ ที่สูง สวย หุ่นดี แต่ก้นลีบไปนิดนึงอ่ะครับ เห็นภาพไหมครับ 555
- ด้านหน้า
พอได้แต่งเป็นชุดกันชน
ชายล่าง กระจังหน้า Diamond grill สีเงิน ของตัว AMG
ทำให้สวยงามมากเลยครับ ดูสวยลงตัวกว่า A250 และ
CLA 250 ครับ เพราะตัวรถดูกว้างกว่า\
- ด้านหลัง
ด้านหลังก็สวยด้วย
กันชนหลังตัว AMG และ
ปลายท่อคู่พร้อมฝาครอบอลูมิเนียมที่กันชนด้วยติดด้านซ้ายด้วย โลโก้ C250 ไม่คำว่า coupe ติดที่ด้านท้ายเพื่อบงบอกว่าเป็นตัวพิเศษ
เพราะยังไงก็ไม่เหมือนกับท้ายของตัว C sedan อยู่แล้ว
- ด้านข้าง
ถ้าผมจำไม่ผิดจะมีชายล่างโครเมียมที่ต่างจากตัว
Edition
1 นะครับ
มุมมองด้านข้าง
เส้นสายจากหลังคา มาผ่านเสา C มาที่ด้านท้ายสวยงามครับ
ด้านข้างเวลาปลดล็อคประตูจะมีแสงส่องพื้นจากใต้กระจกข้างตามรูปด้านบนครับ
- ไฟหน้า
ไฟหน้าเป็นแบบ LED
intelligent system ซึ่งต่างจากตัว Edition 1 ที่เป็น
แบบธรรมดา แต่เหมือนว่าตัวประกอบในจะเป็นแบบนี้เหมือนกันแล้วนะครับ
กลางคืน
ถ้าเปิดไฟหน้า บริเวณคิวไฟ Daylight จะเปล่งแสงสีฟ้าออกน้ำเงิน
ไล่แสงจนครบก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีขาวแบบในรูป
- ไฟท้าย
เป็นแบบ
LED
เส้นสายคมมากครับ สังเกตจากรูปตอนกลางคืนด้านล่างได้
- ล้อ ยาง เบรก
ล้อลาย
Multi
spoke 19” ของ AMG ขนาดด้านหลังกว้างกว่าด้านหน้า ดูจากขนาดยาง
ยางติดรถเป็น Pirelli P-Zero Runflat
ยางหน้า
225/40R19 93Y
ยางหลัง
255/35 R19 96Y
เบรกหน้ามีสลัก
Mercedes-Benz ที่ตัว caliper
แบบ 4 pot หลัง 2 pot
รูปภายนอกมุมอื่นๆ ชมได้ตามอัธยาศัยครับ
จุดเล็กๆน่ารัก แต่กลายเป็น Signature
ของ C class Coupe ไปเลยก็จะเป็นตัวหนังสือเขียนที่บริเวณกระจกหน้าด้านคนขับครับ
เท่ห์ดีครับ
ลิ้นชายล่างกันชนหน้าเป็นพลาสิคชุบโครเมียม
ซึ่งเสี่ยงต่อการจอดเกยที่กั้นที่จอดรถมาก ถ้าขับไปเกยมาน้ำตาจะไหลมากๆครับ
ปลอกปลายท่อไอเสียที่ติดอยู่ชายล่างกันชนหลักเป็นอลูมิเนียม
แต่ท่อจริงๆจะอยู่ด้านในเป็นท่อเหล็ก
มุมนี้สวยงามมาก โดยเฉพาะสีเทาด้านแบบนี้
อันนี้คือหลังคาตอนเปิด panoramic
roof จะมีตาขายกันแมลงเลื่อนขึ้นมาด้วย และหลังคากระจกจะซ้อนไปด้านหลัง
ภายใน: ตัว AMG Dynamic จะเป็นโทนสีแดง Bengal red (ตัว Edition เป็นหนัง Atigo สีน้ำตาล Saddle Brown สลับกับผ้าหนังกับสีดำ)
เบาะหน้าปรับไฟฟ้า
พร้อมเมมโมรี่ 3 ตำแหน่งด้านคนขับ เวลาพับเบาะดึงที่มือจับสีเงินด้านข้างบริเวณบนหัวของเบาะ
เวลาพับเบาะด้านคนนั่งจะเลื่อนไปข้างหน้าด้วยไฟฟ้า เวลาดึงกลับต้องดึง 1 จังหวะ
หลังจากนั้นจะเลื่อนถอยหลัง Auto
เบาะหลังนั่งได้
2 ที่นั่ง ตรงกลางนั่งไม่ได้เพราะเป็นที่วางแก้วแบบแข็ง ตัวเบาะสามารถพับ 40:20:40 ได้มั้งครับ แต่ผมไม่ได้ลองพับ
คอนโทรลหน้า
ด้านบนหุ้มด้วยหนัง เดินด้ายจริงสวยงามหรูหราครับ ประดับตบแต่งด้วยแถมอลูมิเนียม
ตรงกลางเป็นลายไม้จริงสีดำด้านเข้ากับสีภายนอก
แผงประตูด้านคนขับ
ประดับด้วยหนังสีแดงสีเดียวกับเบาะ
หุ้มด้านบนด้วยหนังเดินตะเข็บด้ายเหมือนคอนโซลหน้าด้านบน ด้านคนขับจะประกอบไปด้วย
สวิทซ์ปรับกระจกข้างขึ้นลงทั้ง 2 ผั่ง สวิทซ์ปรับเบาะพร้อมเมมโมรี่ 3 ตำแหน่ง สวิทซ์ปรับกระจกมองข้างและพับกระจก
สวิทซ์เปิดท้ายรถ (ท้ายรถเปิดได้จากสวิทซ์ภายใน หรือ ปุ่มบนกุญแจรถ
ไม่สามารถเปิดที่ด้านท้ายได้) สวิทซ์ที่กล่าวมาจะเป็นแบบเคลือบเงาสีเงินดูดีมากครับ
และมีสวิทซ์ล็อด ปลดล็อคประตูเป็นสีดำที่ช่องก้านดึงเปิดประตู
ฝั่งคนนั่งก็ยังใจดีให้เมมโมรี่เบาะ
3 ตำแหน่งมาด้วย ประตูเป็นแบบ frame-less ไร้กรอบประตู
มีช่องแอร์สำหรับเบาะแถวหลังด้วย
ปกติคงไม่ค่อยมีใครนั่งเท่าไหร่ (รถคูเป้ 2 ประตูยังมีช่องแอร์หลังมาให้ รถ sedan
4 ประตูทั่วไปก็ควรจะมีได้แล้วนะครับ)
ชุดพวงมาลัยเป็นแบบปลายตัดด้านล่าง
(ตัว Edition
1 จะเป็นกลมๆ ปกติ) ด้านซ้ายมีสวิทซ์ปรับหน้าจอ TFT ตรงกลางแผงหน้าปัด กดขึ้น ลง แล้วก็ OK ตรงกลาง
กดปุ่มรูปบ้านเพื่อกลับหน้าจอหลัก ด้านขวามีสวิทซ์รับ วางสายโทรศัพท์
และปุ่มปรับเครื่องเสียง
ที่คอพวงมาลัยด้านขวาจะเป็นปุ่มควบคุมเกียร์
เดินหน้ากดลง ถอยหลังกดขึ้น เกียร์ P กดปุ่มตรงกลางก้านเข้าหาแกนพวงมาลัย
ใช้งานง่าย ตอนแรกไม่ชิน และคิดว่าไม่สะดวก เพราะใช้งานรถที่มีเกียร์ตรงคอนโซลกลางมาตลอด
แต่พอใช้สักพักก็สะดวกดีนะครับ ผมถือว่าใช้ได้เลย ไม่มีกดพลาดไปเปิดไฟเลี้ยวเลยซักครั้งสำหรับผม
ถัดมาที่ด้านหลังพวงมาลัยเป็นปุ่ม Paddle shift +
สำหรับเพิ่มตำแหน่งเกียร์ อันนี้ผมไม่ได้ลองใช้ เพราะปกติ ไม่ค่อยได้ใช้
ขับรถที่มีปุ่มเพิ่มลดตำแหน่งเกียร์มา 13 ปี แทบจะไม่เคยใช้งานเลยด้วยซ้ำสำหรับผม
ถือว่าไม่จำเป็นในการใช้งานปกตินัก แต่ถ้าขับขึ้นลงเขา แค่แบบมีโยกที่เกียร์+ - ก็เกินพอ
คอพวงมาลัยด้านซ้ายมีก้านควบคุมเยอะมาก
ก้านซ้ายบนเป็นก้านเปิดไฟเลี้ยว
ระบบปัดน้ำฝน ฉีดน้ำฝน ที่หลังพวงมาลัยเป็นปุ่ม Paddle shift – สำหรับลดตำแหน่งเกียร์ลง
อันกลางเป็นก้านควบคุมปรับประดับขึ้นลง
เข้าออกของพวงมาลัย ซึ่งปกติจะปรับ Auto ตามตำแหน่งเมมโมรี่เบาะที่ได้บันทึกไว้
หรือ กุญแจรถ เวลาเปิดประตูรถ พวงมาลัยจะยกขึ้น และ เบาะจะเลื่อนถอยหลังเพื่อให้นั่งได้สะดวกด้วยระบบ
Keyless Go
Analog ซ้าย ขวา และจอ TFT ตรงกลาง
ด้านซ้ายแสดงวัดรอบ และ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
ด้านขวาแสดงความเร็วรอบเครื่องยนต์และ ความร้อนของระบบหล่อเย็น (ขับปกติจะอยู่แถว
80 องศา)
จอ
TFT
ตรงกลางสามารถแสดงผลได้หลายอย่างตามการปรับที่ปุ่มที่พวงมาลัยด้านซ้าย
หน้าจอไมล์เป็นหลักตามรุปนี้ เช่น ความเร็วเป็นตัวเลข
จับเวลา
อัตราการกินน้ำมัน สำหรับ Trip
Display
ระบบการขับขี่ตามโหมด
ระยะทางที่วิ่งได้
จากน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง
ด้านล่างขวาของพวงมาลัย
มีปุ่ม Push
start , ปุ่มควบคุมไฟหน้า , ปุ่มปรับระดับแสงหน้าจอ ด้านบน 2 ปุ่ม
เป็นปุ่มเปิดปิดเสียงเซ็นเซอร์รอบคัน และปุ่มเปิดกล้อง 360 องศา
(กล้องจะทำงานเมื่อขับช้าๆ ขยับเดินหน้า ถอยหลังเท่านั้น)
คอนโซลหน้าบริเวณส่วนกลางจะประกอบด้วย
หน้าจอแสดงผล ถัดลงมาเป็นช่องแอร์ 3 ช่อง
ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ และด้านล่างเป็นนาฬิกากับ
ปุ่มเข้าโหมดหลักของเนวิเกเตอร์,วิทยุ,ระบบMedia,โทรศัพท์,ระบบรถ และไฟฉุกเฉินทางขวา
ปุ่มควบคุม
(controller) บริเวณคอนโซลกลาง ซ้ายปุ่ม Dynamic ปรับระบบช่วงล่าง
เครื่องยนต์ การตอบสนองของคันเร่ง Eco Comfort Sport Sport+ และ
Individual ซ้ายล่างเป็นปุ่มเปิดปิดระบบ start stop ตรงกลางปุ่มกลมๆ เป็นชุดควบคุมหน้าจอกลาง และ touchpad ที่ด้านล่าง ด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียงวิทยุ ปุ่มเปิดปิดวิทยุ และปุ่ม
Belt feeder สำหรับสั่งให้ก้านช่วยยื่นเข็มขัดนิรภัยจากด้านหลังที่เอื้อมหยิบได้ลำบากมาให้
(ปกติเวลาปิดประตู belt จะยื่นมาให้ Auto แต่ถ้าไม่ได้คาด belt มันก็จะกลับไป
ทำให้ต้องกดปุ่มนี้เพื่อสั่งให้มันยื่น belt มาใหม่ครับ)
หน้าจอกลางสามารถแสดงผลได้หลายอย่าง
แต่ผมไม่ได้ถ่ายมาทุกโหมดนะครับ จากในรูปเป็น โหมดปรับเปลี่ยนเกี่ยวกับรถยนต์
โหมดการขับขี่ แบบในรูป โหมด
Eco
ประหยัด
โหมด
Comfort
ทุกครั้งที่ติดเครื่องจะเริ่มต้นที่โหมดนี้
โหมด
sport
แสดงภาพจากกล้องมองด้านหน้า เส้นเหลืองปรับตามองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย และรอบทิศทาง
แสดงภาพจากกล้องมองหลัง
ยื่นออกมาจากโลโก้ที่ฝากระโปรงท้าย
เส้นเหลืองปรับตามองศาการเลี้ยวของพวงมาลัยเช่นกัน
เพดานด้านบนหุ้มด้านผ้าสักหลาดสีดำ
พร้อม Panoramic
sunroof กระจกมองหลังตัดปรับแสง
Auto พร้อมสวิทซ์ปรับไฟในรถ ไฟส่องอ่านหนังสือ
แสงไฟในรถจากหลอด
LED
และ Ambient light สีฟ้า (สามารถปรับได้ตามสี ไปพร้อมกับจุดอื่นๆ ภายในรถ)
ถัดมาตรงกลางเป็นสวิทซ์เปิดหลังคา
Sunroof
หลังคา Sunroof
เมื่อเปิดจะรับแสงเห็นภายในแบบนี้
ที่พักเท้าเป็นแบบ sport
แผ่นอลูมิเนียมพร้อมปุ่มยางกันลื่น
แสงสว่างภายในรถตอนกลางคืนสวยงามมาก
ปรับ Ambient
light ได้ 3 แบบ ขาว เหลืองอำพัน และฟ้า ในรูปปรับเป็นสีฟ้าครับ
- มองจากด้านนอกผ่านฟิล์มกระจก
เมื่อเปิดประตูออก
ที่กาบประตูมีโลโก้ Mercedes-Benz เรืองแสง พร้อมไฟส่องที่พื้นทั้ง
2 ฝั่ง
แผงประตุเรืองแสงตามปุ่ม
และไฟ ambient
light สีฟ้าปรับได้เช่นกัน
ข้ามมาดูฝั่งคนนั่งบ้าง
สังเกตเห็นแสง ambient light guide สีฟ้า ที่ขอบรอบๆคอนโซลกลาง
ไหมครับ
ผมว่าเป็น ดีไซน์ที่สวยมากครับ ฝั่นคนขับก็เห็นเช่นกัน
ดูกันชัดๆ สวยมากถึงมากที่สุดสำหรับผม
(ที่เป็นคนชอบสีฟ้าอยู่แล้ว)
ห้องสัมภาระ ด้านท้าย:
มีความจุพอประมาณ ใส่กระเป่ากีฬาใบกลางได้
พร้อมกล่องรองเท้าอีกหลายกล่อง ถ้าลึกไม่พอ
สามารถพับเบาะช่วยได้
แต่ความสูงเพิ่มไม่ได้นะครับ ถ้ามีกระเป๋าเดินทางใบสูง อาจจะนอนได้
ชั้นเดียว
ไม่สามารถวางตั้งได้
จากที่บอกก่อนหน้านี้ว่าฝาท้าย
เปิดปิดด้วยไฟฟ้า ได้จากที่ปุ่มข้างแผงประตูคนขับและปุ่มที่
กุญแจรถ (ผมลืมถ่ายรูปกุญแจรถนะครับ
แต่มันก็เหมือนกุญแจรุ่นทั่วๆไปของ Benz ครับ)
เวลาปิดฝาท้ายให้กดที่ปุ่มสีแดงปุ่มซ้ายนะครับ อย่าเอามือกดฝาปิดนะครับ
อาจจะใช้เวลานิดนึง
เวลาฝนตกคงของเปียกหมดท้ายรถแน่ (ผมชอบแบบอัตโนมือมากกว่า)
เครื่องยนต์:
สำหรับ spec เครื่องสามารถหาอ่านได้ตามเว็บทั่วไปครับ
มีคานหน้าอลูมิเนียม มีโช้คเปิดปิดแล้วนะครับ (ไม่เหมือน A250 CLA250 ที่รถราคา 2 ล้านกว่า ยังต้องเอามือหยิบเหล็กไปค้ำอยู่ ผิดวิสัยสำหรับรถพรีเมียมหรู
แต่อาจจะเพราะว่าปกติคนขับไม่ค่อยได้เปิดเครื่องบ่อยสักเท่าไหร่
แต่สำหรับผมเปิดทุกวัน อันนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ ผมถือว่าน่าเกลียดมากเลยด้วย) และคันนี้เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ต่างจากรถญีปึ่นที่ขับเคลื่อนล้อหน้า (A250 CLA250 ก็เป็น Benz ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า เช่นกัน)
จบในส่วนของรายละเอียด เกี่ยวกับรถ
และคำอธิบายบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ ภาษาคนใช้รถนะครับ
ส่วนที่ 2:
ภายในห้องโดยสาร
และการเก็บเสียง:
- ผมรู้สึกว่าด้านข้างกว่าพอๆกับ
430i
ถ้าเทียบกับรถทั่วไปก็กว้างกว่า City นิดนึง
- เบาะนั่งโอบกระชับด้านข้างดี
แต่บริเวณส่วนกลางถึงหลังส่วนบนต้นคอเหมือนจะขาดกระซับพอร์ทไปนิดนึง เป็นช่องว่างจากทรงของเบาะ ผมพยายามปรับอยู่นาน แต่พอขับไกลก็รู้สึกเมื่อยหลังนิดนึงครับ จุดนี้ผมให้เบาะ M
sport ของ BMW นั่งสบายกว่า ไม่ปวดหลัง
- ส่วนซับพอร์ทด้านข้างดี
ก็เป็นปัญหาสำหรับผมเหมือนกัน มันติดศอกเวลาเลี้ยวพวงมาลัย
ถ้าปรับพนักพิงใกล้ก็ติด ปรับไกลแขนก็จับด้านบนของพวงมาลัยได้ไม่เต็มมือนัก
- การเก็บเสียงเวลาวิ่งช้าๆ
มีเสียงภายนอกเข้ามามากกว่า BMW อาจจะเพราะขอบประตูเป็นแบบ
frameless แต่เวลาวิ่งเร็วๆ กับเก็บเสียงลมดีกว่า BMW
จากความคิดของผมน่าจะเป็นเพราะการออกแบบเส้นสายที่ลู่ลมกว่า BMW
ก็เป็นได้
เครื่องยนต์ ความแรง และการตอบสนองของเครื่องยนต์และคันเร่ง:
- ความแรงผมรู้สึกแรงน้อยกว่า
430i
ทั้งในช่วงออกตัว และความเร็วสูง ผมเทียบได้แรงพอๆ กับ Golf GTI นะครับ แต่ก็ยังดึงน้อยกว่า Subaru WRX ที่เคยลองขับ
- การตอบสนองของคันเร่งเป็นจุดที่ผมผิดหวังมาก
มีความรู้สึกหน่วง ไม่ทันใจแม้จะเป็นโหมด sport แล้วก็ตาม
มีการรอจังหวะแป๊บนึง ไม่ทันใจเหมือนโหมด sport ของ Golf
GTI และที่สำคัญโหมด sport ไม่รู้สึกว่าแรงขึ้นมาก
หรือ ต่างกันเหมือนรถคนละคันที่เครื่องยนต์ เกียร์ คันเร่งทำงานแบบถวายหัวใน BMW
จากหัวข้อเครื่องยนต์
เกียร์ คันเร่งทำงานได้ดีกว่า Volvo V40 เป็นมีนัยสำคัญเลยครับ
ช่วงล่างและการตอบสนอง:
- ความแข็งเป็น
Benz ที่ผมคาดไม่ถึงมาก เมื่อเทียบกับ S class ที่เคยใช้ ช่วงล่างแข็งกว่ารถญีปุ่นทั่วไป แต่ก็ยังน้อยกว่า Mini เยอะครับ
ถ้าเปรียบเทียบความแข็ง
BMW
3/4 series<Volvo V40< BMW 116< Golf GTI< C coupe< WRX< Mini
coupe S
ไม่รู้สึกแตกต่างระหว่างโหมด
comfort และ sport ผมไม่แน่ใจว่ามีการปรับช่วงล่างด้วยหรือไม่ ที่ช่วงล่างแข็ง อาจจะเป็นเพราะล้อขอบ 19” ที่มียาง run
flat พร้อมยางแก้มบางๆ ขนาด 225/40 แต่ก็เป็นขนาดเดียวกับยางธรรมดาที่ผมใส่ในล้อ
18 “ของ BMW เวลาขับผ่านเนินระนาดตามหมู่บ้าน
มีแรงกระแทกจากล้อมามาก แม้จะขับคลานๆ แล้วก็ตาม ถ้าเทียบให้เห็นภาพเวลาขึ้นเนินระนาด
City
CNG ล้อ 17” ยาง 205/45
ยังนุ่มกว่าแบบรู้สึกได้ และมีอีก 1 อาการที่คล้ายกับ BMW F30 คือเวลาขับผ่านถนนที่เป็นคลื่นลอน รถจะมีอาการโคลงคล้ายกัน
แต่อาการแบบนี้เกิดได้น้อยกว่าใน BMW 116i ทั้งๆที่เป็นรถเล็ก
แคบกว่า และแทบไม่มีอาการเหล่านี้ใน Golf GTI
- ช่วงล่างเวลาเข้าโค้ง
เกาะดีครับ ไม่มีอาการโคลงให้เห็น เปรียบเทียบความเอียง
BMW
F30/40 >Volvo V40> BMW 116i> C
coupe > Gof GTI > Subaru WRX
พวงมาลัย
และการตอบสนอง :
เป็นพวงมาลัยที่มีอัตราทดรอบสูงมาก
หมุนแค่รอบกว่านิดๆ ก็เลี้ยวสุดแล้ว น้ำหนักพวงมาลัยที่ความเร็วต่ำเบาดี
ที่ความเร็วสูงก็กำลังดี On center ใช้ได้ ระยะฟรีน้อย แต่เมื่อเปรียบเทียบความคมก็ยังแพ้ BMW ในจุดนี้
Golf GTI> Subaru WRX
> BMW 116i > BMW F30 > C coupe >Volvo V40
สรุป:
ในความคิดผม
Benz C coupe 2016 โดยเฉพาะสีเทาด้านแบบนี้เป็นรถที่สวย มีสไตล์
ดูล้ำสมัย Hisoมากๆ จริงๆ
อาจจะเหมาะกับคุณหนูไฮโซมากกว่าผู้ชายนิดนึง
แต่เพราะสีเทาด้านทำให้ดูเข้มเหมาะกับผู้ชายมากขึ้น ทางด้านราคา ณ ตอนที่เป็น CBU
ผมคิดว่าแพงไปนิดนึง แต่พอเป็น CKD ประกอบในแล้วราคาน่าคบมาก
ที่สำคัญถูกกว่า BMW Series 4 เยอะเหมือนกัน
ถ้าเป็นผมเปรียบเทียบ 2 คันนี้ ผมคงซื้อ C coupe เหมือนกันแม้จะเป็น
สาวก BMW ก็ตาม ดังนั้น ณ จุดนี้ Benz c
coupe คันนี้ทำให้สาวก BMW เปลี่ยนไปมาชอบหน้าตาได้มากกว่าแล้วนะครับ
(อีกเหตุผลคือ C coupe คันนี้ หน้าตาคล้าย Coupe ตัวแพงอย่าง E coupe ใหม่และ S coupe ใหม่มาก ทำให้ดูแพงกว่าระดับของตัวมัน) แต่ถ้าเป็น M4 เทียบกับ
C63 AMG ผมเลือก M4 นะครับ อิอิ
ก็กันชนหน้ามันดูหล่อแบบแมนๆ มากกว่า แต่ก็มีอีกตัวเลือก ในช่วงราคา 3-4 ล้าน
ที่จะหล่อแมนๆ เป็นเป้าสายตา บนท้องถนนมากกว่านิดนึงก็คือ Ford Mustang 2.3
Ecoboost ที่ราคาขายที่เกรย์ใกล้ๆกันและอีกคันนึงที่แรงกว่า คือ Audi TT
ที่สำคัญจากการได้ขับ
Benz C coupe คันนี้ทำให้ผมทราบถึงจุดทียังไง
BMW ก็ยังเหนือกว่า Benz อยู่ ก็คือ
ความมีส่วนร่วมในการขับขี่ คนขับเป็นอันนึงอันเดียวกับรถ เหมือนกับรถเป็นส่วนนึงของร่างกาย
ขับได้สนุกสนาน จุดนี้ C coupe คันนี้ยังขาดไปเยอะเหมือนกัน C
coupe เป็นรถที่ขับแล้วรู้สึกว่าแรง แต่ไม่รู้สึกมีส่วนรวม หรือ
สนุกสานไปกับการขับขี่ เมื่อเทียบกับ BMW 116i ที่แรงน้อยกว่า
แต่ขับสนุกกว่าเยอะ
จุดนี้เป็นจุดที่ทำให้แฟนคลับ BMW ยังชื่นชอบ BMW
อย่างเหนียวแน่น แม้หน้าตา BMW สมัยนี้จะรู้สึกเชยแล้วก็ตาม
แต่ถ้า Benz สามารถพัฒนาในส่วนของการขับขี่ได้ล่ะ
จะเป็นจุดที่สุมเสี่ยงมากสำหรับ BMW ที่จะสูญเสียแฟนบอยไป หรือไม่เช่นนั้น ก็คงต้องไปขับรุ่นสูงๆ ที่เป็น AMG ทั้ง C43 AMG และ C63 AMG
ล่าสุดรถคันนี้ ได้มีการ update
การตบแต่งเพิ่มเติม ให้ใกล้เคียงตัวท๊อปสุดในรุ่น อย่าง C63 AMG ทำให้เป็นที่มาของ C 250+63 = C313 Coupe AMG นั้นเอง:
กระจังหน้า C63 AMG ซึ่งจะแตกต่างจาก C250 ปกติและ C43 AMG ด้วย
Diffuser carbon ชายล่างกันชน
พร้อมท่อทรงสี่เหลี่ยม 4 ท่อ ออกข้างละ 2 ท่อ
(ออกจริงทั้ง 4 ท่อ)
(ออกจริงทั้ง 4 ท่อ)
Duck Tail carbon บนฝากระโปรงท้าย
ช่วยทำให้ด้านท้ายดูเต็มและสวยงามมากขึ้น
ชุดแต่งทั้งหมด ได้ทำการตบแต่งที่ร้าน Finestone
Autopart
(ต้องขอบคุณเครดิตภาพชุดแต่งจากทางร้านด้วยครับ)
ปล. ขอบคุณน้องกอล์ฟเจ้าของรถที่ให้ยืมรถมาใช้พร้อมรีวิว







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น