https://drivemasterpage.blogspot.com/

ทำไม Honda City ใหม่ ต้อง ReImagine พาดูข้อมูลและชมรถอย่างครบถ้วนสไตล์ Drive Master

                    รถ B Segment ยังเป็นตลาดหลักสำหรับรถเก๋งในประเทศไทย เนื่องจากเป็นรถที่มีขนาดเหมาะสม เครื่องยนต์เหมาะสม ราคาเหมาะสม นั่งเพียงสำหรับคน 4-5 คน รวมทั้งยังเป็นรถที่มีราคาขายมือสองที่แข็งที่สุด เปอร์เซ็นต์ราคาตกน้อยที่สุด ดังนั้นการที่จะมีรุ่นขวัญใจมหาชนเปิดตัวใหม่สักรุ่นนึง ยอมเป็นที่สนใจของคนทั่วไป
                   The CITY Turbo " REIMAGINE" จึงเป็นนิยามใหม่ของ City Car รุ่นที่ขายดีครองใจคนไทยมาโดยตลอด ซึ่ง Honda City ใหม่ได้ทำการเปิดตัวครั้งแรกในโลกไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย.62 ที่ผ่านมา และทาง Drive Master ก็ได้ทำการเปิดเผยโฉมให้ทุกเห็นได้เห็นก่อนใครในโลกเช่นกัน  (ก่อนหน้านี้ Drvie Master ก็เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่เสนอข้อมูลรถยนต์ สเปค และราคา ได้ลึกสุด แม่นยำสุด ใกล้เคียงที่สุดกว่าสื่อทุกๆเจ้าในไทย)
                 ก่อนอื่นเรามาเริ่มจาก Concpet กันก่อน สำหรับ Honda City รหัส 2TG นี้ เป็นรถยนต์ที่เริ่มมีการวางแผนและพัฒนากันตั้งแต่ปี 2015 ปลายปี ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการพัฒนารุ่นยนต์รุ่นนึง มีการทำกันล่วงหน้าถึงเกือบ 4 ปีนับจยถึงวันเปิดตัวปลายปี 2019 นี้ (หลายๆคนที่ชอบบอกว่ารถรุ่นนั้นเลียนแบบรุ่นนี้ จำไว้นะครับว่าถ้าเปิดตัวกันห่างไม่เกิน 4 ปี ไม่ถือว่าเลียนแบบนะครับ อิอิ ให้ถือว่าต่างคนต่างออกแบบแล้วมันมาตรงกันพอดีนะครับ เข้าใจตามนี้นะครับ) โดย Honda City ใหม่รุ่นนี้จะมีการผลิตในฐานการนผลิตที่อยู่ในอาเซียน 3 แห่ง คือ ไทย อินเดีย และมาเลเซีย พร้อมทั้งยังส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่ามาตราฐานของ City ใหม่จะเป็นมาตราฐานระดับโลกอย่างที่เคยเป็นมาตลอดในหลายๆเจนเนอร์เรชั่น
                   จากแผนการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ นั้นมี Design และ Concept หลักดังนี้
        - Sense of Existense : เป็นรถเก๋งที่มีโครงสร้างที่แข็งแรง และมีคุณภาพภายในที่ดี
        - Security : พื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ขับขี่ได้ดี รวมทั้งประหยัดน้ำมัน จึงเป็นรถที่ขับสนุก
        - Intelligence : City ยังคงโดดเด่นเรื่องห้องโดยสารอย่างต่อเนื่อง
                   Exterior Design ด้านข้างตัวถังที่เป็นเส้น C ต่อเนื่องตั้งแต่ด้านหน้า จรดท้ายรถ ไฟ DRL เสิรมภาพลักษณ์ของกระจังแบบ Solid Wing ไฟท้ายที่ออกแบบให้รถดูเตี้ยและกว้าง
                   มุมมองด้านนอกเมื่อมองจากด้านใน มีการย้ายกระจกมองข้างจากต่ำแหน่งที่มุมเสา A ย้ายมายึดที่แผงประตูแทน เพื่อให้ตรงเสา A มีช่องตรง ทำให้มีทัศนวิสัยเวลาขับที่ดีเพิ่มขึ้น เช่น เวลาเลี้ยวออกจากซอยจะมองคน สิ่งของ บริเวณที่เสา A บังได้ชัดเจนขึ้น
                     ภายในออกแบบใหม่ โดยมีโครงสร้างหลักร่วมกับ Jazz ใหม่ แต่โดยรวมๆ แอดมินว่าของ Jazz ดูดีกว่า และรูป concept ภายในอันแรกที่ออกแบบไว้สวยกว่า

                   หน้าปัทม์แบบใหม่ที่ทำให้มองเห็นได้ง่าย และชัดเจนเวลาขับ ซึ่งแอดมินว่ามันคล้ายหน้าปัทม์ของ Civic ES รุ่นก่อน Civic FD ที่ดูย้อนยุคไปหน่อย ไม่ค่อยเข้ากับภายนอกที่ดูหรูหราขึ้น ยังดีที่มีปุ่มเซ็ทหน้าปัทม์แบบกดปุ่มทันสมัยทางด้านซ้าย ไม่ใช้แท่งปากกายื่นออกมาจากหน้าปัทม์แบบโบราณเหมือนรถหลายๆรุ่น ส่วนใครที่รอจอ TFT ขนาดใหญ่แบบ Jazz ใหม่คงต้องรอตอนเปิดตัวเครื่องยนต์ไฮบริดที่ต้องมีการแสดงผลหน้าจอเยอะๆ น่าจะยกเอาจอของ Jazz มาใช้ (ขออภัยที่รูปไม่ชัดนะครับ)
                     มีการใส่เบาะหนังในรถระดับ B-Segment ครั้งแรกสำหรับรุ่นรองท๊อป ส่วนเกรด S และ V เป็นเบาะผ้า ซึ่งออกแบบเบาะให้มีขนาดใหญ่ขึ้น นั่งสบายกว่ารุ่นก่อน
                 จากรุ่นเดิมที่ Honda City มีความโดนเด่นเรื่อง Legroom เหนือคู่แข่งใน Segment เดียวกันมาตลอด เผลอๆข้ามไปชนะรถยนต์ C- Segment บางรุ่นด้วยซ้ำ ก็ได้มีการเพิ่ม Legroom มากกว่ารุ่นเก่าเป็นเกือบ 1,000 มม.เลยที่เดียว และมีการทำเบาะหน้าให้ดูบางมากขึ้น เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้คนนั่งด้านหลังมองได้โล่งโปร่งสายตามากขึ้น
                    เป็นครั้งแรกสำหรับ City เกรด RS ที่มีการตบแต่งเพื่อความสปอร์ตมากกว่าเกรดปกติ สำหรับคนที่ต้องการ B-Segment ที่ดูสปอร์ตครบจบจากโรงงาน
                     เกรด RS จะมีจุดตบแต่งภายนอกที่แตกต่างจากเกรดอื่นๆ คือ
             - ล้อ 16 นิ้วลายพิเศษ
             - กันชนหลังแต่งแบบสปอร์ต
             - สปอย์เลอร์หลัง แบบหางเป็นสีดำเงา สวยงามมาก แอดมินชอบมากอันนี้
             - กระจังหน้าสีดำเงา
             - ชุดกระจังหน้าส่วนล่างแบบตาข่ายหกเหลี่ยม
             - ส่วนกลางกันชนหน้าแบบตาข่ายหกเหลี่ยมเหมือนกระจังหน้า อันนี้ก็สวย
             - ชุดครอบไฟตัดหมอกหน้าแบบสปอร์ตเหมือนพวกครีบรีดอากาศ
               Dynamic Performance Concept ที่เน้นเรื่องการขับขี่ที่สนุกสนาน ขับได้มั่นใจ แรง และยังประหยัดน้ำมัน คุณจะต้องการอะไรอีกล่ะ City ใหม่ทั้งแรง ทั้งประหยัด
                    เครื่องยนต์ใหม่ รหัสประจำเครื่องที่ฮอนด้าเรียก คือ AP7T ที่ได้รับการพัฒนาจากเครื่องที่วางอยู่ใน Civic FC (ทดแทนเครื่อง 1,800 ซีซี) ที่ขายที่ต่างประเทศ เช่น จีน อังกฤษ เป็นต้น โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาในหลายส่วน เช่น
          - การเปลี่ยนอินเตอร์อากาศเป็นแบบน้ำเพื่อให้เหมาะสมกับรถยนต์ City Car ที่เน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าแบบอากาศ เวลาที่เจอรถติดๆ อากาศร้อนๆนั้น ประสิทธิภาพของอินเตอร์คูลเลอร์แบบนั้นจะได้ลงลงน้อยกว่าอินเตอร์คูลเลอร์แบบอากาศ
          - การปรับปรุงประสิทธิภาพของไดร์ชาร์จ ACG ให้สร้างกระแสไฟได้ดีขึ้น
          - การเพิ่มความแข็งแรง ทนทานของตัวเครื่องยนต์ให้มากขึ้น
         โดยเครื่องยนต์ตัวนี้จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเครื่องยนต์เดิม 1,500 ซีซี ทั้งแรงม้าที่เยอะกว่า แรงบิดที่เยอะกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า และโดดเด่นกว่าเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี B-Segment ทุกรุ่นที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นหมดห่วงเรื่องเครื่องเล็ก วิ่งทางไกลไม่ไหว วิ่งขึ้นเขาไม่ไหว ให้เปลี่ยนทัศนคติหรือมุมมองแบบเดิมไปได้เลยครับ
            ในส่วนของ Chassis ช่วงล่างมีการปรับปรุงลด suspension Friction ให้ต่ำลงเทียบเคียงกับรถยุโรปซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก และยังมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆอีก คือ
            - ชุดหม้อปั้มเบรคเป็นแบบไฟฟ้า i-Booster เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน
            - ชุดพวงมาลัยไฟฟ้า EPS เป็นแบบ Brushless BPB
            - ชุดปั้มเบรคหน้าแบบ Drag Reduction ลดแรงต้านการหมุน
            - ยางแบบ Low RRC ต้านทานการหมุนต่ำ ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
            - ท่อไอเสียแบบหม้อพักขนาดใหญ่ ลดเสียงดังได้ดีกว่าเดิม
              โครงสร้างตัวถังและสเปคเพื่อลดเสียงรบกวนและการสั่น (Noise and Vibration) โดยมีการปรับปรุงดังนีั
           - Spray Polyurethane Form มีการฉีดเบลต้าโฟมบริเวณเสากลางและเสาหน้าเพื่อลดเสียงเล็ดลอดจากภายนอก เหมือนกับแอคคอร์ดตัวใหม่ที่มีจุดเด่นเรื่องความเงียบภายในห้องโดยสาร ซึ่งจะทำให้ City ใหม่ได้สเปคที่เหนือกว่า Civic
           - Variable Thickness Sound Absorber มีการเพิ่มแผ่นลดเสียงใต้ท้องเครื่องยนต์ เพื่อลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารให้ได้มากที่สุด
           ดังนั้น เราจะได้พิสูจน์เรื่องความเงียบภายในห้องโดยสารกันว่าจะดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน เมื่อตอนที่เราได้ทดลองขับรถกันจริงๆนะครับ
       
                   มาดูในส่วนของรายละเอียดรถจริงกันนะครับ

สีรถยนต์

      สีมีทั้งหมด 6 สี คือ
         1. สีแดง Ignite Red Metalic สำหรับเกรด RS เท่านั้น
         2. สีขาวมุก Platinum White Pearl สำหรับเกรด SV และ RS แอดมินชอบสีนี้สุดเหมาะกับ City
         3. สีดำ Crystal Black Pearl
         4. สีเงิน Lunar Silver Metalic
         5. สีเทา Modern Steel Metalic
         6. สีขาว Taffeta White สำหรับเกรด S และ V

ราคา สเปค และออฟชั่นแต่ละเกรด

           แอดมินได้ทำการเปรียบเทียบในแต่ละเกรดและได้เทียบกับอัลเมร่าไว้แล้ว เปิดดูได้จากลิงค์นี้ได้เลยครับ


เกรด RS สีแดง

               คันหลักจะเป็นเกรด RS สีแดง (สีแดง Ignite Red Metalic จะเป็นสีพิเศษสำหรับเกรด RS เท่านั้น)  แอดมินจะอธิบายรายละเอียดใต้รูปนะครับ

                     เส้นสายและรูปลักษณ์ภายนอก มีการปรับปรุ่งให้ City ใหม่ ดูหรูหรากว่าทุก City ทุกรุ่นที่เคยมีมาและยังคงความสปอร์ตปราดเปรียวไว้ด้วย แต่สำหรับเกรด RS จะมีการตบแต่งให้ดูสปอร์ตจ๋าเหนือกว่าเกรดอื่นๆ มีการใส่ชิ้นส่วนสีดำเงาและสีดำในหลายๆส่วน สำหรับหน้าตาภายนอกสวย ไม่สวย แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน แต่ในมุมมองของแอดมิน ส่วนที่สวยคือกระจังหน้า กันชนหน้า ด้านท้ายสวยทั้งหมด ด้านข้างสวยกว่าตัวเก่า แต่ส่วนที่ทำให้รถดูหนาๆไม่สปอร์ตก็คือความหน้าของฝากระโปรงทำให้มุมมองด้านข้างบริเวณด้านหน้าดูหนา รถจึงไม่ดูเพียวเท่ารุ่นเดิม นอกนั้นแอดมินถือว่าสวยกว่ารุ่นเก่าทุกจุด 
              จุดนี้ของฝากระโปรงที่ทำให้รถดูหนา ไม่เพียว หรือ ลู่ลมเท่าที่ควร
               เพราะมุมมองด้านหน้าตรง ก็ดูสวยงาม ดูสปอร์ต หรูหราดี
               ไฟหน้าสำหรับเกรด RS เป็น LED Multi Reflector แบบเกล็ด 9 เกล็ดซึ่งรวมทั้งไฟต่ำและไฟสูง โดยได้รับมรดกมาจากรุ่น Civic และ Accord ข้อดีของไฟหน้าแบบ Multi Reflector คือการกระจายตัวของแสงที่สม่ำเสมอกันทั้งหมด แสงไม่พุ่งไปด้านหน้าจนเกินไป นอกจากนี้ไฟหน้านี้ยังมาพร้อมไฟ DRL แบบเส้นตรงด้านบน ซึ่งดีกว่าของอัลเมร่าที่เป็นแค่ไฟหรี่เฉยๆ ตอนกลางวันไม่ติด
                  กระจังหน้าเป็นแบบสีดำเงาที่กำลังเป็นที่นิยมพร้อมโลโก้ RS บ่งบอกความเป็นตัวท๊อปและตัวแต่งแบบสปอร์ต ต่างจากตัวอื่นๆที่เป็นโครเมียม (แอดมินอยากจะบอกว่าแบบโครเมียมต้นทุนแพงกว่าแบบดำเงาเยอะนะครับ)  ส่วนล่างของกระจังจะเป็นแบบตาข่ายทรงหกเลี่ยมเพื่อให้ดูสปอร์ต เกรดอื่นๆจะเป็นแบบซี่แนวนอนใหญ่ 1 ซี่

                    ส่วนกลางกันชนหน้าก็เป็นแบบตาข่ายเหมือนกระจังหน้า เกรดอื่นๆจะเป็นแบบซี่แนวนอนใหญ่ 1 ซี่ และส่วนล่างของกันชนหน้าจะลิ้นหน้าเป็นพลาสิคกัดลายคล้ายคาร์บอนถัก ให้ดูสปอร์ต ข้อดีนอกจากสวยคือเวลาเป็นรอยดูไม่ออกหรือมองไม่ค่อยเห็น
                 มุมมองด้านท้ายไม่ว่าจะเป็นมุมตรงหรือมุมเฉียงคือจุดที่สวยที่สุดของรุ่นนี้
                 กันชนหลังเป็นแบบสปอร์ตสำหรับเกรด RS ด้านข้างเป็นครีบที่ออกแบบเหมือนช่องอากาศแต่เป็นที่อยู่ของไฟทับทิมสะท้อนแสงซึ่งดูสปอร์ตมาก ชายล่างกันชนเป็นพลาสติคสีดำกัดลายคาร์บอนถักเหมือนกันชนหน้ายิ่งทำให้ด้านท้ายดูสปอร์ตมากๆขึ้นไปอีก
                ไฟท้ายคือจุดที่สวยมากเช่นกัน อย่างที่แอดเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าไฟท้ายจะคล้ายๆ BMW Series 3 G20 มาตลอด ซึ่งออกแบบมาได้สวยงามและทำให้รถดูสปอร์คอีกทั้งยังคงความหรูหราไว้อีกด้วย ไฟที่เห็นเป็นเส้นๆคือไฟท้าย ส่วนด้านในส่วนล่างคือไฟเบรคแบบ LED ด้านบนซ้ายเป็นไฟเลี้ยว ด้านบนขวาเป็นไฟถอย ขอบบนของไฟท้ายก็จะเป็นสีดำเงา
            ด้านบนขวาของท้ายรถจะมีโลโก้ RS บ่งบอกความเป็นตัวพิเศษ สังเกตไฟท้ายด้านข้างจะมีลูกเล่นเป็นเส้นปะ 2 ขีด ทำให้ดูมีมิติและเท่ห์ดี

           ด้านท้ายบนฝากระโปรงมีสปอย์เลอร์หลังแบบหางเป็ดสีดำเงาเหมือนกระจังหน้า ออกแบบได้สวยงามดูดีเข้ากับท้ายรถ ไม่ดูหนาหรือรกจนเกินไป แอดมินชอบสปอยเลอร์แบบนี้มากกว่าแบบ Civic RS
           มุมมองด้านข้างของสปอยเลอร์หลัง ดูแนบ เป๊ะมาก พอดิบพอดีสุดๆ
           ฝาครอบกระจกมองข้างก็เป็นสีดำเงาเหมือนกันไม่ต้องไปแต่งเพิ่มกันเลยทีเดียว แต่เป็นรอยง่ายนะบอกกันไว้ก่อน
             มือจับด้านนอกเป็นสีเดียวกับตัวรถ เกรด SV จะเป็นโครเมียม จริงๆแล้วน่าจะให้สีดำเงามาเลย สีดำสีเดียวทำหลับ RS ทุกสี เพราะทำสต็อคสีได้ง่ายกว่า ลดต้นทุนได้ด้วย รถดูแต่งครบๆอีกด้วยนะครับ
              เสาอากาศแบบ Shark Fin ก็ยังทำเป็นสีดำเงานะครับ
            ล้อเป็นล้อแม็กอัลลอยขนาด 16 นิ้วเฉพาะเกรด RS กว้าง 6 นิ้ว รัดด้วยยาง Yokohama  BluEarth-A ขนาด 185/55 R16 ล้อเป็นล้อพ่นดำและกลึงหน้าเงาเคลือบเงา เป็นล้อที่มีต้นทุนมากกว่าล้อพ่นสีเงิน หรือล้อสีดำสีเดียวทั้งหมดเยอะนะครับ
             ภายใน Honda City ใหม่หลายๆคนอาจจะมองว่าไม่ค่อยว้าว แต่แอดมองว่าจริงๆมันก็ไม่ได้แย่นะ หลายๆอย่างปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่แค่มันไม่สวยสมกับรถยุคปี 2020 ก็แค่นั้น สีภายในสำหรับเกรด RS จะเป็นโทนดำ ตบแต่งด้วยด้ายแดงและขอบสีเงินด้านไม่ใช้โครเมียม ซึ่งจริงๆแล้วสีเงินด้านมันเหมาะกับภายในมากกว่าเพราะมันไม่สะท้อนแสงเข้าตาเวลาเจอแดดแบบโครเมียม
               ภายในยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องความกว้างขวาง โอโถ่ง นั่งแล้วรู้สึกไม่อึดอัด สามารถไปเทียบเคียงรถ C segment บางรุ่นได้เลยด้วยซ้ำ ตัวใหม่ก็มีออกแบบให้กว้างขึ้นมีการตบแต่งให้ดูหรูหรามากขึ้นตาม Concept Reimagine
             คอนโซลหน้าเป็นสีดำ ส่วนกลางตบแต่งด้วยสีดำเงาและส่วนด้านล่างหุ้มหนังสังเคราะห์เดินตะเข็บด้ายแดงเพื่อให้หรูหรามากขึ้น ช่องแอร์ทรงที่หลายๆคนบอกคล้าย Porsche มันก็น่าจะแค่บังเอิญ 555
               พวงมาลัยพร้อมปุ่มมัลติฟังค์ชั่น หุ้มหนังเรียบเดินด้ายแดงอย่างดี ไม่ใช้หนังสากๆแบบรถบางรุ่น พร้อมมีการตบแต่งด้วยสีเงินตามขอบ  รูปทรงพวงมาลัยถือว่าสวยงามดูดีใช้ได้ทีเดียว ดีนะไม่เอา 2 ก้านแบบ Jazz มาใส่
                เมื่อมองลอดช่องพวงมาลัยเข้าไปจะเจอหน้าปัทม์ที่เป็นสีแดง ก็ดูสปอร์ตเข้ากับสีรถดี เข้ากับการตบแต่งด้ายแดงของชิ้นส่วนภายในนะครับ
                  ด้านซ้ายบนพวงมาลัยเป็นปุ่มปรับชุดเครื่องเสียง และปุ่มวาง-รับสายโทรศัพท์และปุ่มสั่งการด้วยเสียง Siri เหมือนกับรถฮอนด้ารุ่นใหม่หลายๆรุ่น
                  ด้านขวาเป็นชุดควบคุมระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็ว ยังไม่มี ACC นะครับ แต่ออฟชั่นนี้ก็ดีกว่าอัลเมร่าตัวท๊อปที่ยังไม่มีมาให้
                  ชุดหน้าปัทม์ที่ออกย้อนยุคนิดๆ ไม่ใช้ไม่สวยนะครับ แต่มันดูเชยสำหรับรถยุค 2020 แอดมินมองว่ามันคล้ายหน้าปัทม์ Civic ES เครื่อง 2.0 ตัวแรงยุคก่อนนะครับ แต่ข้อดีก็มีคือมองง่าย อ่านค่าง่าย แม้ว่าจอ IMD ตรงกลางมันจะเล็กไปนิดนึง แต่หน้าปัทม์ชุดนี้ไม่มีแสดงอุณหภุมิระบบหล่อเย็นมาให้ แอดมินว่าน่าจะแทนจุดที่แสดงผลอัตราการกินน้ำมันน่าจะดีกว่านะครับ  ยังดีที่มีขอบสีแดงด้านซ้ายและขวาเพื่อให้ดูสปอร์ตเข้ากับรถยุคนี้หน่อย ภาพรวมหน้าปัทม์สู้อัลเมร่าไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าของวีออสเยอะอยู่ดี 555
               เกรด RS จะมี Paddle Shift มาให้สำหรับเปลี่ยนเกียร์ หลายคนอาจจะมองว่าจำเป็น แต่รถที่แอดมินขับมีปุ่มเปลี่ยนเกียร์+- มาตั้งแต่ยุค 2003แล้วนะ แต่เอาจริงๆ แทบไม่ได้ใช้เลย นอกจากลงเขาที่ชันมากๆเท่านั้น ระดับแบบที่เขาใหญ่นี้ก็ไม่ถือว่าชันนะครับ และยิ่งปัจจุบันนี้รถส่วนใหญ่เป็นเกียร์ CVT สมองกลของเกียร์มันก็ทำงานฉลาด เปลี่ยนเกียร์ได้สมูทและทันใจอยู่แล้ว อยากจะแซงก็แค่กดคลิ๊กดาวก็จบแล้ว การเปลี่ยนเกียร์เองนี้แอดมินมองว่าทำให้อายุการใช้งานของเกียร์สั้นลงนะครับ เพราะเป็นการล็อคอัตราทดเป็นสเต็ป ทำให้สายพานมีการกระโดดเวลาสับเกียร์ อายุสายพานก็จะสั้นลง แต่ก็คงไม่พังไปทันทีสำหรับรถใหม่ (แอดมินเคยทำโปรเจ็คเรื่องเกียร์ CVT ตั้งแต่ตอนอยู่มหาลัยปี 2001 เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นแอดมินพอมีความรู้เรื่องเกียร์ CVT มาบ้างสัก 18 ปีแล้ว)
               ชุดเครื่องเสียงสำหรับเกรด SV และ RS เป็นจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วเท่ากับอัลเมร่า เชื่อมต่อ Apple Car Play ได้ แต่กราฟฟิคหรือการแสดงผลถือว่ากลางๆ ไม่ค่อยล้ำหรือสวยงามเท่าไหร่นัก แต่มีปุ่มการใช้งานหลักๆเช่นเปิด-ปิดเครื่องและปรับ-ลดเสียงมาให้ใช้งานได้สะดวกเวลาขับรถ
                ปุ่มปรับแอร์จากรุ่นเก่าที่เป็นระบบสัมผัสแบบล้ำๆทั้งหมด แต่การใช้งานจริงๆเวลาขับรถกดยาก กดไม่ค่อยถูกต้องก้มมามองทำให้อันตราย ตัวใหม่เลยปรับให้เป็นแบบปุ่มหมุนพร้อมจอแสดงผล ซึ่งใช้งาน หรือคลำหาเวลาขับรถได้ง่ายกว่า ไม่ต้องก้มลงมามอง เกรด V SVและ RS จะเป็นแอร์แบบอัตโนมัติ 

             ใต้ปุ่มควบคุมแอร์มีช่องวางโทรศัพท์ ช่องเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้า ACC และช่องต่อหรือชาร์จ USB 2 ช่อง  เกรด S และ V จะมีแค่ 1 ช่อง
                หัวเกียร์เป็นยูริเทนสีดำตบแต่งด้วยสีเงิน พร้อมฐานเกียร์เป็นหนังสังเคราะห์ กรอบฐานเกียร์ตบแต่งด้วยวัสดุดำเงาที่ยังไงยังไงแอดมินก็มองว่าไม่เหมาะกับรถยนต์เพราะสกปรกและเป็นรอยง่าย ด้านบนขวาของฐานเกียร์เป็นปุ่ม ECON รูปใบไม้ ด้านบนซ้ายเป็นปุ่มเปิด-ปิดระบบ Start-Stop ขอบบริเวณฐานเกียร์ด้านซ้ายและขวาจุดที่เข่าไว้พิงเวลานั่ง จะมีการบุนุ่มหุ้มหนังเย็บด้ายสีแดงมาให้เรียบร้อย เวลาขับพิงเขาจะได้ไม่เจ็บ
                   ถัดลงมาเป็นชุดเบรคมือแบบดึงปกติไม่ใช้เบรคมือไฟฟ้าและมีช่องใสของเล็กๆน้อยด้านข้าง 2 ช่อง ในรูปจะเห็นว่าที่ท้าวแขนเป็นแบบหุ้มหนังเดินด้ายแดงด้วย
                    บางคนหาปุ่มสตาร์ทเครื่องไม่เจอ เพราะปุ่มอยู่ด้วยขวาหลังพวงมาลัย สังเกตุนะครับว่าปุ่มสตาร์ทของฮอนด้าสวยงามทุกรุ่น ไม่ใช้ปุ่มพ่นสีเรียบๆแบบทั่วๆไป
                       ด้านขวาล่างของคอนโซลหน้า มีปุ่มระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA และช่องใส่ของ 1 ช่อง
                      รุ่นนี้เปิดฝาน้ำมัน ต้องดึงเปิดจากตัวรถก่อนนะครับ
                      เกรด RS จะเป็นแป้นเหยียบแบบสปอร์ตหุ้มสแตนเลสมาให้เลย ดูดี
                   มีไฟอ่านแผนที่มาให้ ผ้าหลังคาเป็นสีดำทั้งหมด กระจกมองหลังตัดแสงได้แบบมือปรับ
                   ม่านบังแดดมีกระจกทั้งฝั่งคนขับและฝั่งคนนั่ง แต่ไม่มีไฟแต่งหน้านะครับ
                 แผงประตูหน้าเป็นสีดำเป็นพลาสติคแข็งเป็นหลัก แต่ส่วนที่ท้าวแขนและส่วนกลางที่สัมผัสได้ทำการหุ้มหนัง บุ่นุ่ม เดินด้ายแดงสวยงาม ดูดี แม้ส่วนบนจะไม่บุ่นุ่ม ก็ถือว่าโอเคร ดูดีอยู่
                ปุ่มปรับหน้าต่างเหมือนกับของ civic มี Auto เฉพาะบานฝั่งคนขับเท่านั้น กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า
               ด้วยเครื่องเสียงที่มีลำโพง 8 ตัว ทำให้มีทวิตเตอร์ที่ประตูมาให้ด้วย
               แผงประตูหลังก็หุ้มหนัง บุ่นุ่ม เย็บด้ายแดงมาให้เรียบร้อย ดีกว่า Altis ใหม่ 1.6 G และ CHR ทุกเกรดที่เป็นพลาสติคแข็งทั้งบานนะครับ สำหรับงานแผงประตูภาพรวมดูดีกว่าอัลเมร่า แต่ยังสู้ Mazda 2 ไม่ได้ในมุมมองของแอดมิน
            สำหรับภายในของ City ใหม่จุดที่ดูดี หรือพัฒนาขึ้นเด่นชัดที่สุดคือเบาะนั่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะมีขนาดใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น มีปีกเบาะชัดเจนขึ้น สำหรับเกรด RS ยังมีการหุ้มเบาะด้วยหนังสังเคราะห์และหนังกลับ SUEDE ที่คล้ายอคันทาล่า และไม่ใช้ผ้าไฟเบอร์สังเคราะห์ที่รถยุโรปมีดาว A CLA เค้าใช้กันนะครับ เบาะตัวนี้นั่งแล้วเต็ม แน่น ไม่สั้น ดีกว่า Eco car และ B segment ที่ขายอยู่ตอนนี้ทุกคัน ดีกว่า Almera ดีกว่า MZ2 เป็นที่แน่นอนแล้ว       

                มาดูเบาะหนังกลับ SUEDE กับแบบชัดๆ และลายเบาะก็ดูดีสวยงามด้วยนะครับ จุดนี้แอดมินชอบมากๆครับ แต่สำหรับคนที่ชอบทำเบาะเปรอะ หรือมีลูก แอดมินแนะนำให้ซื้อเกรด SV ที่เป็นเบาะหนังทั้งตัวดีกว่าครับ
              เบาะหลังและพื้นที่วางขาด้านหลังก็ยังใหญ่โต สมเป็นเอกลักษณ์ของ city มาทุกรุ่น เบาะนั่งไม่สั้นเกินไป ยาวกำลังดี ระยะจากหลังเบาะหน้าถึงเบาะหลังก็ยาวดี นั่งหลังสบายแน่นนอน
              เกรด RS เบาะหลังมีที่ท้าแขนตรงกลางนะครับ
              มาดูกันชัดๆที่เบาะหลังว่ามีการตัดเย็บและลายเบาะที่สลับกันได้เนียนระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังกลับ SUEDE ดูดี เรียบร้อย เนียนตาแค่ไหน             
             พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังก็ใหญ่โตสมกับเป็น City มาตลอด ไม่ผิดหวังในเรื่องนี้
             ยางอะไหล่เป็นยางฉุกเฉินชั่วคราว ซึ่งแอดมินมองว่าดีกว่าชุดปะยางฉุกเฉินที่เวลายางแตกแบบแก้มยางฉีกจากการตกหลุมก็ไม่มีประโยชน์อะไร หรือถ้าเป็นล้ออะไหล่ขนาดเท่าล้อจริงก็จะมีความหนาเกินไป ทำให้เสียพื้นที่ความสูงของท้ายรถไป ยางอะไหล่แบบนี้จึงเหมาะสมดีแล้ว

เกรด SV 

               น่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด เพราะเป็นรุ่นรองท๊อปแต่หุ้มเบาะหนังมาให้เลยและยังตบแต่งด้วยหนังสีขาวที่คอนโซลหน้าและแผงประตูอีกด้วยครบๆเพียงพอการใช้งาน คันที่มาโชว์เป็นรถสีขาว รายละเอียดใต้รูปนะครับ
           หน้าตาด้านท้ายจะเหมือนกัน แต่ไม่มีชายล่างสีดำลายคาร์บอน และไม่มีสปอยเลอร์หางเป็ดสีดำเงาที่บนฝากระโปรงท้าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ด้านท้ายสวยน้อยลงไปมากนัก
            ไฟท้ายสวยเหมือนกันทุกเกรด สำหรับเกรดอื่นๆจะมีโลโก้ VTEC TURBO แทนโลโก้ RS สำหรับด้านหน้าแอดมินจะอธิบายตอนคันเกรด V นะครับ
              กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว รูปทรงโค้งมนดี


              ล้อเกรด SV เป็นล้ออัลลอย สีเทาปัดเงาลายก้านซี่ๆ ดูดีอยู่ ขนาด 15 นิ้ว กว้าง 6 นิ้ว ยางเป็นยาง Maxxis MA-P3 ขนาด 185/60 R15 
               มือจับประตูด้านนอกเป็นโครเมียบสำหรับเกรด SV
           ด้านในหลักๆจะเหมือนกับเกรด RS แต่เบาะจะหุ้มด้วยหนังสีดำด้ายสีขาว
           คอนโซลหน้าจะเหมือนกัน ยกเว้นส่วนตบแต่งจะเป็นหนังสีขาว
           ด้านล่างคอนโซลฝั่งคนนั่งจะหุ้มด้วยหนังสีขาวเดินด้ายสีขาว บุ่นุ่ม ส่วนกลางจะตบแต่งด้วยสีดำเงาเหมือนกับเกรด RS
           ช่องเก็บของฝั่งคนนั้งมีขนาดใหญ่ใส่เอกสารได้เหลือเฟือ
          ปุ่มควบคุมแอร์เหมือนเกรด RS
          พวงมาลัยเหมือนเกรด RS แต่หุ้มหนังเย็บด้วยด้ายสีขาวออกเทาแทน ด้านขวาไม่มีปุ่มสำหรับ Cruise Control
          หน้าปัทม์เหมือน RS แต่ตบแต่งขอบขอบสีขาวแทน
                 ปุ่มสตาร์เครื่องยนต์ ช่องแอร์เหมือนเกรด RS ปุ่มสตาร์ทก่อนสตาร์ทจะเป็นสีดำเงาแบบนี้
                 ม่านบังแดดมีกระจกมาให้ แต่ไม่มีไฟแต่งหน้า
                    ฐานเกียร์เหมือนเกรด RS เกือบทั้งหมด ยกเว้นขอบซ้ายและขวาที่หุ้มหนังสีขาวเย็บด้ายขาวเหมือนคอนโซลหน้าและแผงประตู
            มีที่พักแขนตรงกลางและหุ้มหนังบุนุ่มมาให้เรียบร้อย ช่องใส่ของกลางใหญ่ใช้ได้เลย
                สังเกตุเบาะนั่งหน้าตัวใหญ่ ดูแน่นๆดีมาก ฐานเบาะยาวรองต้นขาได้ดี สำหรับแอดมินนั่งพอดีเลย นั่งสบายกว่า Almera MZ2 Yaris Ativ
              มาดูเบาะหุ้มหนังกันชัดๆ หุ้มเรียบร้อยดูดี ทนทาน นุ่มมือกว่าเบาะของแถมเยอะเลย ถ้าใครชอบเบาะหนังเพิ่มเงินมาซื้อเกรด SV เลยดีกว่าครับ จบกว่าเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องถุงลมด้านข้างจะมีปัญหาด้วย
           หัวเบาะหน้ามีขนาดใหญ่ หนานุ่ม น่าพิงมากครับ รูปทรงแปลกตาจาก B segment  ทุกรุ่น
                แผงประตูเหมือนเกรด SV แต่เปลี่ยนหนังสีดำเป็นสีขาวแทนก็ทำให้แผงประตูไม่ดูโล้นจนเกินไป มีการเล่นโทนสีตัดถือว่าโอเครเลย ไม่โดดเกินไปด้วย สังเกตุที่มุมซ้ายบนไม่มีลำโพงทวีตเตอร์สำหรับเกรด SV เพราะมีลำโพงแค่ 4 ตัวติดที่ประตูด้านล่างเท่านั้น
               เห็นไหมครับว่าหุ้มหนังสีขาวที่แผงประตูก็ดูดี ตัดกับปุ่มหน้าต่างลงตัวสวยงาม
              พื้นที่ด้านหลังกว้างขวางไม่ทำให้เสียชื่อ City เบาะหลังตัวใหญ่และหนากำลังดี
            แผงประตูหลังตบแต่งเหมือนประตูหน้า
            พื้นที่วางขาเหลือเฟือ เบาะหน้าห่างจากเข่าแอดมินเป็นคืบกว่าๆเลยครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะแคบ ที่ท้าวแขนด้านหน้าจะมีช่องใส่แก้วมาให้สำหรับคนนั่งแถวหลัง 1 ช่อง
             มุมมองหน้าต่างแถวหลังดูโปร่งโล่งสบายสายตา ไม่อึดอัดเลย แม้จะเป็น B-segment


เกรด V กับชุดแต่ง Modulo

              คันสีขาวคันนี้เป็นเกรด V นำมาตบแต่งด้วยชุดแต่ง Modulo ขออภัยคันนี้แอดมินถ่ายมาน้อย ถ่ายเฉพาะจุดให้เห็นความแตกต่างจากเกรดอื่นๆเท่านั้น
           เกรด S V และ SV จะได้กระจังโครเมียม ช่องอากาศแบบซี่นอน กันชนแบบซี่นอน แต่จะไม่มีไฟตัดหมอกซึ่งเป็นของตบแต่งแบบคันนี้ และไม่มีชายล่างกันชนหน้าด้านซ้าย-ขวาแบบคันนี้
               ด้านข้างเกรด S และ V มือจับประตูจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ไม่มีชายล่างสเกิร์ต Modulo ล้อคันนี้เป็นล้อแต่ง Modulo
            ไฟหน้าเกรด S V และ SV จะเป็นทรงนี้แบบแยก 3 ส่วน ด้านในเป็นไฟสูง ตรงกลางเป็นไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์หลอดฮาโลเจน ด้านนอกเป็นไฟเลี้ยว ด้านบนเป็นไฟเส้น DRL รูปทรงสวยงาม ไฟหน้ารวมๆแอบคล้าย Altis ใหม่เหมือนกันนะครับ
              ภายในคอนโซลหน้าเป็นพลาสติคสีดำตบแต่งขอบด้วยสีเงิน ไม่มีการหุ้มหนังหรือบุนุ่มมาให้ พวงมาลัยหุ้มยูริเทน มีปุ่มปรับเครื่องเสียง รับ-วางสายโทรศัพท์มาให้
            เบาะนั่งเป็นทรงเดียวกันทุกเกรดแต่เกรด V หุ้มด้วยผ้าสีดำ มีที่ท้าวแขนตรงกลางมาให้ เกรด S จะไม่มีที่ท้าวแขน
              แผงประตูส่วนที่เป็นหนังเปลี่ยนเป็นหุ้มผ้าดำ บุนุ่มฟองน้ำแทนทั้ง 4 บาน

เครื่องยนต์ 

     ทั้ง 4 เกรดจะมีเครื่องยนต์สเปคเดียว ระบบส่งกำลังและระบบบังคับเลี้ยวเหมือนกันทั้งหมด เครื่องยนต์เป็นเครื่อง 3 สูบ เทอร์โบ 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 173 นิวตัน-เมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที จากแรงม้าและแรงบิดจะเห็นว่าดีกว่าเครื่องเดิม 1,500 ซีซีทุกอย่าง ดังนั้นหมดห่วงเรื่องไม่แรง วิ่งทางไกลไม่ไหว ขึ้นเข่าไม่ไหวไปได้เลย มาชมเครื่องยนต์กันครับ
                 เครื่องยนต์ถือว่าเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบที่มีการเก็บงานวาง Layout เรียบร้อยเครื่องนึงของรถญี่ปุ่น อเมริการที่ขายในบ้านเราเลยที่เดียว เรียบร้อยกว่า Ford Fiesta 1.0 Ecoboost, Nissan Almera 1.0 Turbo หรือแม้กระทั้ง Civic 1.5 turbo ก็ตาม
              แบตเตอร์รี่มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับระบบ Start-Stop มีขนาดใหญ่กว่าตัวเก่ามาก และมีการหุ้มฉนวนกันความร้อนและหุ้มแผ่นพลาสติคอีกชั้นนึ่ง ดีกว่าค่ายเจ้าตลาดที่ลดต้นทุนมีแค่แผ่นพลาสติคหุ้มชั้นเดียว หรือปีหลังลดต้นทุนจากแบตเตอร์รี่เปลื่อยเลยด้วยซ้ำ การหุ้มเพื่อป้องกันให้แบตไม่ร้อน ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ได้นานขึ้น
            สังเกตุรถคันนี้จะมีถังพักน้ำ 2 ใบ ใบบนเป็นของหม้อน้ำ ใบล่างเป็นของอินเตอร์คูลเลอร์นะครับ
              มาดูกันชัดๆกับอินเตอร์คูลเลอร์แบบน้ำ

           สำหรับใครที่ต้องการดูเป็นวีดีโอพร้อมรายละเอียดคร่าวๆ แอดมินเคย Live สดทาง Facebook ในวันเปิดตัวรอบสื่อ สามารถดูได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้นะครับ
https://www.facebook.com/DriveMasterPage/videos/1639494369525776/

สรุป

             จากที่อ่านมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า City ใหม่มีการปรับปรุงและพัฒนาในทุกส่วน ทั้งหรูหราขึ้น กว้างขวางขึ้น แรงขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น แต่ราคาถูกลงกว่าตัวเดิม ผมถือว่าทั้งหมดนี้ก็ดูโอเครแล้วนะครับ แค่ราคามันแพงกว่าอัลเมร่าที่เป็นเครื่อง 1.0 เทอร์โบเหมือนกันเท่านั้น และยังมีอีกส่วนที่ขาดไปคือระบบความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง Honda Sensing ที่ควรจะมีใน City อย่างน้อยก็เกรด RS นะครับ แค่นั้นแหละที่แอดมินต้องการ

* สนใจติดตาม Drive Master Face Book Page ได้ทางลิ้ง : https://www.facebook.com/DriveMasterPage/?ref=bookmarks ** ทาง Drive Master ขอสงวนลิขสิทธ์ข้อมูลและเนื้อหา ห้ามนำเนื้อหาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งส่วนใดในเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Drive Master *** ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. ในปี 2021 มองว่ารถยนต์ Honda City น่าจะเป็นอีโค่คาร์ดูดีที่สุดในคลาสแล้ว แรงกว่าค่ายอื่น ขับสนุกอีกด้วย มีทั้งแบบ 5 ประตู และแบบไฮบริด ยอดขายน่าจะโตกว่ารุ่นอื่นๆในปีนี้

    ตอบลบ