https://drivemasterpage.blogspot.com/

All New Nissan Almera โฉบเฉี่ยว มีสไตล์ เครื่องแรง ประหยัดในราคาที่น่าคบสุดๆ


                 นิสสันอัลเมร่า เป็น B-Segment ที่เป็นตัวขายหลักของนิสสันไทยมาช้านาน หลังจากที่ยอดขายของอัลเมร่าซึ่งเป็นรถเก๋งซีดานที่ขายดีแซงหน้ามาร์ชที่เป็นรถ 5 ประตูท้ายตัด เนื่องจากจุดเด่นเรื่องขนาดภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางโดดเด่นกว่า Eco car รุ่นอื่นๆนั้นเอง แต่จากขนาดรถที่มีขนาดใหญ่แต่เครื่องยนต์มีขนาดเล็กไม่ค่อยเหมาะสมก็เป็นข้อด้อยเช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการตีตั๋วเด็กเป็นรถ Eco car ตามสูตรของ March  ดังเช่นที่ตอนนี้รถยนต์จาก B-segment เกือบทุกรุ่นตีตั๋วเด็กเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2, Yaris, Yaris Ativ, Mirage,Attrage ,Swift และอีกไม่นานจะมี City/Jazz ใหม่มาร่วมวงด้วย คงเหลือปล่อยให้ Vios โดดเดียวเดี่ยวดายอยู่รุ่นเดียวซึ่งก็ดูไม่ค่อยมีอนาคตเท่าไหร่แล้ว เพราะออฟชั่นน้อย ราคาแพง ระบบ Safety ก็มีแค่พื้นฐาน เครื่องยนต์ยุคใหม่ที่เป็น 1.0 เทอร์โบก็แรงสู้ได้ และยังไงก็ประหยัดกว่ามาทดแทนซะแล้ว
                จากที่นิสสันอัลเมร่าได้ถูกเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาซึ่งจริงๆกำหนดการเปิดตัวของสื่อจะเป็นช่วงค่ำ 1 ทุ่ม แต่ได้มีการเปิดตัวกับดีลเลอร์ไปในช่วงบ่าย และมีการปล่อยให้ราคาหลุดมาก่อนในช่วง 5 โมงเพื่อสร้างกระแสคนเลิกงานพอดี ตามราคาในรูปด้านล่าง
                    จากราคาที่ตั้งใจปล่อยหลุดนั้นแอดมินถือว่าราคาดีมากๆเลยนะครับ ราคานี้ใกล้เคียงยาริสมากๆ นิสสันน่าจะเอาราคาYaris เป็นตัวเทียบ แต่เมื่อมองจากสเปคทั้งหมดทั้งเครื่องยนต์ หน้าตา การขับขี่ ณ ตอนนี้ แอดมินถือว่า อัลเมร่ามีความน่าสนใจกว่ายาริส และ Eco car คันอื่นๆ แบบทิ้งกระจาย คงต้องรอเทียบกับ New City อีกที แต่ราคาคร่าวๆ New City ที่แอดมินมีนั้น ราคาไม่ได้น่าคบแบบอัลเมร่าแน่ๆ ตัวเริ่มและตัวท๊อปจะแพงกว่าอัลเมร่าหลัก 2-4 หมื่นเลย (ถ้าราคายังเป็นราคาเดิม ไม่เปลี่ยนราคาอีกครั้งหลังจากเจอราคาช๊อคของอัลเมร่าเข้าไปนะครับ)

ภายนอก


              คันนี้เป็นรุ่น VL รูปลักษณ์ภายนอก ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม จากเดิมที่แอดมินมองว่าหน้าตาค่อนข้างเฉิมไม่สวยเอาซะเลย และท้ายที่ดูยาวและลาดลีบเกินไป แต่กับตัวใหม่ ถือว่าสวยเลย ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง อาจจะมีแค่ส่วนท้ายด้านข้างที่อาจจะดูยาวไปสักนิด ถ้าสั้นเข้ามาหน่อยจะลงตัวมากๆ
              ด้านหน้ามุมตรง ดูดี คม และมีเส้นสายที่ลงตัวไม่เยอะเกินไปแบบ Mirage/Attrage Minor change ได้อานิสงค์จากรุ่นใหญ่ของค่ายอย่างอัลติม่า ทำให้ด้านหน้าดูดี และมองดูไม่เป็นรุ่นเล็กๆ กระจังหน้าสีดำ กรอบกันชนที่ต่อจากกระจังหน้าลงมาเกือบถึงกันชนส่วนล่างเป็นสีดำเงาสวยงาม แต่อาจจะดูแลยากหน่อยตรงเป็นรอยขนแมว กันชนด้านข้างรอบๆไฟตัดหมอกดูสวยงามลงตัว เส้นสายไม่เยอะไปแบบบางค่ายๆ
              เส้นสายด้านข้างอาจจะดูเรียบๆ แต่ดูดี เพราะมีการเพิ่มเส้นสายเว้าด้านล่างของประตูจากประตูหน้าไปถึงประตูหลัง เพื่อไม่ได้ด้านข้างรถดูหนาเกินไป และยังทำให้มีความแข็งแรงที่ผิวประตูเพิ่มขึ้นอีกด้วย กรอบกระจกข้างบานหลังมีการตวัดเส้นสายลากขึ้นไปบรรจบกับกรอบสีดำที่เสาซี เพื่อไม่ให้ดูท้ายรถห้อยเกินไปหรือยาวเกินไปแบบรุ่นเก่า
               ไฟหน้าเป็นแบบ LED Multi reflector  (สไตล์คล้ายๆ City ปัจจบัน) เฉพาะในรุ่น V และ VL ประกอบด้วยไฟ 6 ชุดทั้งไฟต่ำ ไฟสูง และไฟเลี้ยวเพิ่มอีก 1 ชุดที่หลอดธรรมดาสีส้มมีเลนส์ใสครอบทับอีกชั้นนึง กรอบไฟเส้นสีขาวๆที่ลากจากด้านบนข้างนอกลงมาที่ด้านในด้านล่าง คล้ายๆ DRL แต่ทำหน้าที่เป็นแค่ไฟหรี่ ไม่ได้เป็น DRL ที่ติดตลอดเวลาที่ขับรถแบบรถยุคสมัยใหม่น่าเสียดายมาก (จากข้อมูลที่แอดทราบนะครับ ถ้าเป็น DRL ด้วยรบกวนบอกแอดหน่อยนะครับ) ไฟตัดหมอกเป็น LED มีเฉพาะในรุ่นท๊อป
              กระจกมองข้างพร้อมไฟเลียว LED ที่เป็น LED จริงๆ ไม่ใช่ทรง LED แต่เป็นหลอดธรรมดาแบบที่ค่ายดังทำ ด้านล่างมีกล้องสำหรับระบบกล้องรอบคัน 360 องศา ในรุ่น V และ VL
            ล้อเป็นล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว กว้าง 5.5 นิ้ว พ่นสีเงิน ลายดูดีเหมือนกัน แต่อาจจะแคบไปนิด เพราะกว้างแค่ 5.5 นิ้ว น่าจะเป็น 6.5 นิ้วถึงจะเหมาะสม ทำให้ล้อไม่ดูหุบไปในซุ้มจนเกินไป
           ยางเป็นยาง Bridgestone Ecopia ขนาด 195/65 R15 เน้นประหยัดน้ำมัน ค่า RRC ต่ำ เพื่อล้อกลิ้งหมุนได้ง่ายมากขึ้น
                ด้านท้ายและด้านข้าง สังเกตุว่าจะมีการเล่นเส้นสายที่เสา C เพื่อให้ตัวรถไม่ดูน่าเบื่อและเสา C ไม่ดูหนาจนเกินไป ซึ่งถ้าเป็นตัวถังแบบเดิมๆ จะทำให้ส่วนของตัวถังที่อยู่หลังล้อหลังและเสา C ดูใหญ่เกินไปไม่สวยงาม
               ไฟท้ายเป็นทรง Signature Light ตามไฟหน้า เป็นแบบ LED สำหรับไฟท้ายและไฟเบรค ส่วนไฟเลี้ยวและไฟถอยยังเป็นหลอดไส้แบบธรรมดา รูปทรงสวยงาม ช่วยทำให้ท้ายดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น พร้อม Logo VL Turbo ที่ด้านขวา บ่งบอกความเป็นตัวท๊อป เครื่องเทอร์โบนะ ไม่ได้อืดเหมือนเดิมแล้ว
               ด้านท้ายห้องเก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่เหลือเฟือ กรอบเสาฝากระโปรงท้ายไม่มีพาสติคหุ้มสายไฟยึดกับเสาด้วยเทปพลาสติคบางๆ แบบ Altis จุดนี้น่าจะปรับปรุงทั้ง 2 รุ่น ไม่รู้ใครลดต้นทุนตามใครแต่แบบนี้ไม่เอานะครับ มีฉนวนปิดใต้ฝาท้ายให้อันนี้ดีครับ
               Almera ใหม่ได้ทำการลดน้ำหนักเพื่อให้ได้ค่าความประหยัดน้ำมันตาม Eco car จึงทำให้ไม่มียางอะไหล่มาให้ มีเพียงน้ำยาปะยางฉุกเฉินมีน้ำยาและปั้มลมของ Continental มาให้แทน ก็สะดวกดี แต่ถ้าแก้มยางฉีกปะยางไม่ได้ก็จบกัน ลากขึ้นรถสไลด์อย่างเดียว จุดนี้เป็นการลดน้ำหนักและลดต้นทุนไปได้เกือบพันบาทเลยทีเดียว
            ไฟเบรคดวงที่ 3 อยู่ที่ถาดท้ายรถ ในกระจกหลังเป็นแบบ LED 6 ดวง บางรุ่นเจ้าตลาดมีแค่ 4-5 ดวงเองนะ
             ใต้โลโก้ Nissan ท้ายรถ เป็นส่วนของที่เปิดฝาท้ายแบบไฟฟ้าปุ่มสีดำ ไฟส่องทะเบียน และกล้องมองหลัง
            ภายในดูกว้างขวางโอโถ่งแบบเดิม เพราะจริงๆแล้ว อัลเมร่าเป็นรถ B-Segment  ดังนั้นเรื่องความกว้าง ใหญ่โตเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน ในด้านวัสดุภายในจริงๆ ก็มีการปรับปรุงในบางส่วน ที่เห็นชัดๆ ก็คือชุดคอนโซลหน้า และแผงประตู
                  แผงประตูหน้าวัสดุหลักจะเป็นพลาสติคแข็งเกือบทั้งหมดและเป็นการกัดลวดลายที่โดยส่วนตัวของแอดมินไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะมันทำให้ดูไม่หรู ไม่แพง ทั้งๆที่จริงๆวัสดุก็เป็นพลาสติคแข็งไม่ต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2 ที่ภายในดูดีที่สุดในกลุ่ม Eco car ก็ตาม
                  แต่ส่วนที่ปรับปรุงให้ดูดีขึ้นก็คือในส่วนหนังที่หุ้มบริเวณในส่วนที่วางแขนที่แผงประตู ทำการหุ้มหนังให้เรียบร้อยแม้จะเป็นหนังเทียมแบบ PVC/PU ก็ตาม แต่ก็ทำให้ดูแลได้ง่ายกว่ารุ่นอื่นๆที่ชอบหุ้มด้วยผ้าสีดำ ที่พอใช้ไปสักพักมันเปรอะฝุ่นก็จะดูขาวๆสกปรกไม่สวยงามเลย และส่วนของกรอบสวิสซ์ควบคุม มีการกัดลายพลาสติคเป็นลายคล้ายๆคาร์บอน ซึ่งแอดมินเฉยๆ เพราะมันก็ไม่ได้ทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ต้นทุนก็จะเพิ่มในการกัดลายที่แม่พิมพ์นิดหน่อย วัสดุก็พลาสติคแข็งเหมือนเดิม
               เบาะหน้าจะทรงเดียวกันทุกรุ่น ปรับมือสามารถยกขึ้นลงได้ แต่ตัว V และ VL จะเป็นขอบสีขาวครีมให้ที่ปีกเบาะเป็นโทนสีเดียวกับคอนโซลหน้าสีขาว ส่วนรุ่นอื่นๆ จะเป็นเบาะผ้าสีดำทั้งตัว ไม่มีเบาะหนังทุกเกรด
              สำหรับใครที่ชอบเบาะหนังแล้วจะไปหุ้มได้ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น VL ที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้างที่ตัวเบาะ ทำให้ไม่สามารถหุ้มได้ (ถ้าหุ้มเบาะหนัง แอดมินแนะนำไปหุ้มเองที่หลัง หรือไม่ก็ขออัพราคาในของแถม ให้มีเป็นเบาะหนังแท้สำหรับส่วนที่สัมผัส เพราะถ้าเป็นเบาะแถมส่วนใหญ่เป็นหนัง PVC ซึ่งจะแข็ง แตก ฉีกขาดตามตะเข็มด้ายไม่คงทน และต้นทุนเบาะ PVC ถูกกว่าเบาะผ้าเดิมด้วยซ้ำ)
             ด้านหลังที่นั่งก็กว้างขวางดี แต่แอดมินรู้สึกว่า Legroom ช่วงขามันสั้นกว่าเดิมนิดนึงนะครับ แต่ก็เพียงพอๆ เหลือใหญ่กว่า Mazda 2 เยอะแน่นอน และน่าจะใหญ่กว่า Yaris Ativ ด้วย
             แผงประตูหลัง ก็มีการหุ้มหนังมาให้สำหรับส่วนที่เท้าแขนซึ่งดีมาก ดีกว่า CHR คันเป็นล้านซะอีก ที่เป็นพลาสติคแข็งทั้งบาน รวมทั้ง Altis ตัว 1.6 G ด้วยนะ
            นี้คือความห่างช่วงขา Legroom ที่น่าจะห่างจากเบาะหน้าเกือบคืบนึง (แอดมินสูง 170 ซม. ปรับเบาะหน้าตำแหน่งขับ) ดังนั้นหมดห่วงได้เรื่องความกว้างและยาว

              คอนโซลหน้าสำหรับรุ่น V และ VL ถือเป็นการปรับปรุงโดยการใส่หนังเทียมและมีการเดินด้ายจริงในส่วนที่เป็นสีขาวมาให้เพื่อเพิ่มความหรูหรา แต่ส่วนอื่นๆก็เป็นพลาสติคแข็งเหมือนเดิม รุ่นเกรดอื่นๆส่วนที่เป็นสีขาวจะเป็นพลาสติคแข็งสีดำกัดลายตะเข็มด้ายปลอมมาให้แทน คอนโซลหน้าได้ออกแบบให้มีการสมมาตรให้มากที่สุด ทั้งช่องแอร์ ความลาดเอียงของคอนโซลสีขาว ซึ่งรวมๆ ก็ดูเรียบง่าย สวยงาม ดูดีใช้ได้ ดูดีกว่า Yaris Ativ แน่นอน แต่ถ้าเทียบกับมาสด้า 2 ก็ยังถือว่าใกล้เคียงพอๆกัน พวงมาลัยทรงตัดด้านล่างดูคล้ายๆของ Note 
            ช่องแอร์ซ้าย-ขวา เป็นทรงกลม ตบแต่งด้วยขอบสีเงิน กลไกการเปิดปิด เป็นแบบสมัยใหม่ที่กำลังนิยม หรือมองอีกมุมนึงก็เหมือนช่องแอร์รถเมลล์ ปอ. นั้นเอง 555
             คอนโซลหน้าบริเวณกลางด้านบนส่วนกลางเป็นช่องแอร์ทรงเหลี่ยมคางหมูมน ถัดลงมาเป็นชุดเครื่องเสียง ใต้ลงมาเป็นชุดควบคุมแอร์ ถัดลงมาเป็นช่องเสียบ ACC. USB และ AUX แล้วล่างสุดเป็นชุดเกียร์ ดีไซน์ดูเรียบง่าย ดูดี ไม่น่าเบื่อ รวมๆ แอดมินว่าสวยกว่า Altis ใหม่ด้วยซ้ำไป
            ด้านหน้าก้านเกียร์จะเป็นปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ที่ย้ายจากคอนโซลหน้ามาเป็นที่ชุดฐานเกียร์ เหมือนรถยุโรปรุ่นใหม่ๆหลายรุ่น เกียร์มี 5 ตำแหน่งไม่มีตำแหน่งโยก +- มาให้ มีแค่ L เพื่อใช้เกียร์ต่ำมาให้ กรอบฐานเกียร์ตบแต่งด้วยพลาสติคดำเงา ที่ดูแลยากมาก สังเกตุได้จากรูป รอยนิ้วมือเพียบ มีช่อง Shift Lock สำหรับเสียบกุญแจปลดเข้าเกียร์ว่า N ในกรณีจอดขวางให้เข็นได้
             ชุดเครื่องเสียงสำหรับตัว V และ VL เป็นจอขนาด 8 นิ้วทัชสกรีน เชื่อมต่อ Bluetooth ,USB , AUX และ apple car play ได้ ซึ่งแอดมินว่าออกแบบได้ดูดีน่าใช้กว่ารถหลายรุ่น ดูดีกว่าเครื่องเสียงของ Honda Toyota หลายๆรุ่น ปุ่มกดด้านข้างใหญ่ใช้งานง่าย
             สำหรับรุ่นที่มีจอแบบนี้ จะดูกล้องรอบคัน 360 องศาได้ ซึ่งเป็นออฟชั่นที่แอดมินชอบมากๆเป็นพิเศษ ทำให้จอดรถในที่แคบๆได้เนียนและสะดวกมากๆๆ ออฟชั่นนี้ดีกว่า D segment บางรุ่นด้วยซ้ำไป จุดนี้ขอชื่นชมอัลเมร่าเลยครับ สำหรับฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ที่จัดออฟชั่นนี้มา ถือเป็นออฟชั้นที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงสำหรับรถยุคสมัยนี้
            พวงมาลัยทรงตัดด้านล่างแบบสปอร์ต หุ้มหนังสำหรับตัวท๊อป ตัวอื่นๆเป็นหุ้มยูริเทน ปุ่มด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับชุดเครื่องเสียง ปุ่มด้านขวาเป็นปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ไม่มี Cruise Control มาให้

           หน้าปัทม์เป็นลูกผสมระหว่าง ด้านขวามีชุดความเร็วที่เป็นแบบเข็มอนาล็อก แต่ด้านซ้ายเป็นจอ TFT ขนาด 7 นิ้วแสดงผลได้หลายอย่าง ขนาดใหญ่กว่า Altis Esport ราคาเกือบ 1 ล้านด้วยซ้ำ 555 ถือว่าให้ออฟชั่นมาดีมาก แต่แต่แต่ ออฟชั่นนี้มีเฉพาะตัว V และ VL เท่านั้นนะครับ
            ชุดปรับแอร์ดูสวยงาม เรียบร้อย พร้อมจอแสดงผล ปุ่มหมุนซ้ายปรับแรงพัดลม ปุ่มขวาปรับอุณหภูมิ ซึ่งการเป็นปุ่มหมุนใช้งานได้สะดวกกว่าแบบกดปุ่มเมื่อปรับเวลาขับรถ พร้อมทั้งยังมีจอแสดงผลการปรับให้ดูด้วย ซึ่งก็มีสำหรับตัว V และ VL เท่านั้น รุ่นต่ำลงไปเป็นแบบปุ่มหมุน 3 ปุ่มแบบทั่วไป ไม่มีจอแสดงผล
           ใต้ชุดควบคุมแอร์ มีช่องที่วางของเล็ก พร้อมช่องเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้า ACC. ช่อง USB ฟังเพลง ซึ่งตัวท๊อปมีมาให้ 3 ช่อง หน้า กลาง หลัง และมีช่อง AUX ให้ 1 ช่อง
            เบรคมือยังเป็นไปกลไกมือดึงแบบปกติ ยังไม่มีเบรคมือไฟฟ้า และระบบ Hold เวลารถติดไฟแดงมาให้ ซึ่ง New City น่าจะมีมาให้ ส่วนที่วางแก้วเป็นหลุมพลาสติคง่ายๆ เลย น่าจะมีตัวหนีบแก้วเพื่อป้องกันแก้วน้ำล้มมาให้ จุดนี้ควรปรับปรุง

             ปุ่มด้านขวาของคอนโซลหน้า มีช่องมาให้ 5 ช่อง แต่ใช้งานแค่เพียงช่องเดียว เป็๋นปุ่มเปิด-ปิด Auto start -stop มาให้ เพื่อให้รถประหยัดน้ำมัน และไอเสียต่อกม.ต่ำผ่านมาตราฐาน Eco car เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอร์รี่เพราะการสตาร์ทและดับบ่อยๆ ทำให้แบตอายุสั้นลง

ถัดลงมาเป็นปุ่มดึงเพื่อเปิดฝากระโปรงหน้า และฝาช่องเติมน้ำมัน
            ปุ่มชุดควบคุมหน้าต่างเฉพาะรุ่นท๊อปจะตบแต่งด้วยกรอบสีเงินล้อมรอบ สวิสซ์เป็น Auto ขึ้นลงเฉพาะบานคนขับ น่าเสียดายน่าจะเป็นทั้งกระจกคู่หน้าถึงจะเหมาะสม จุดนี้ควรปรับปรุงต่อ Minor change ปีหน้านะ
            มีไฟส่องแผนที่มาให้ด้วย ถือว่ายอดเยี่ยม ถึงแม้จะไม่เป็นหลอด LED ก็เถอะ แต่ก็ถือว่าเหมาะสมมาก ดีกว่าคู่แข่งบางรุ่น
             มีไฟกลางห้องโดยสารมาให้ด้วย หมดปัญหาเรื่อง Eco car ประหยัดไฟในห้องโดยสารเพราะมีไฟแค่ดวงเดียวไปได้เลย ของหล่นตอนกลางคืนหาเจอแน่นอน เพราะสว่างใช้ได้

            ม่านบังแดดคู่หน้า มีกระจกมาให้ ส่วนไฟแต่งหน้าไม่มี แต่ก็สามารถใช้ไฟอ่านแผ่นที่ทดแทนได้ จุดนี้เสมอตัว
             มือจับสำหรับโหนหรือแขวนของ มีมาให้ 3 ตำแหน่ง เป็นแบบพับด้วย ถือว่าเยี่ยมยอด ดีกว่า CHR คันละล้านกว่าด้วยซ้ำ ที่ไม่มีสำหรับเบาะหลัง
             เครื่องยนต์ 999 ซีซีพ่วงเทอร์โบ DOHC 100 แรงม้า PS /5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 152 นิวตัน-เมตร/2,400-4,000 รอบต่อนาที พอเป็นเครื่องเทอร์โบก็จะมีระบบท่อต่างๆ เยอะมากขึ้นเยอะ สังเกตุได้จากรถหลายๆรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Civic 1.5 turbo RS หรือแม้แต่ Ford Fiesta Eco boost ก็มีท่อต่างๆเต็มไปหมดเหมือนกัน
             ถ้ามีฝาครอบเครื่องก็จะทำให้ดูสวยงามขึ้น แต่ก็ทำให้สะสมความร้อนและดูแลตรวจตาด้วยการมองได้ยากเพราะมองไม่เห็น สำหรับแอดมินอยากให้มีนะเพราะแอดมินขับรถถึงบ้านก็เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อนทุกวันอยู่แล้วเพราะเป็นรถเทอร์โบและยังช่วยให้ท่อยางหรือพลาสติคต่างๆ รวมทั้งสายไฟกรอบแตกช้าลงยืดอายุการใช้งานให้มากขึ้น
             ในส่วนของเทอร์โบเป็นแบบไอเสียมาปั่นเพื่อสร้างแรงดันอากาศ และมีชุดควบคุมแรงดันไอเสียด้วยไฟฟ้า จากรูปแต่แอดมินยังมองเห็นไม่ค่อยชัดเพราะในโกดังแสงมันน้อย

           จากรูปถังสีขาวด้านซ้ายคือถังพักน้ำหม้อน้ำ ถังสีขาวตรงกลางด้านบนคือชุดน้ำมันเบรค เหล็กสีเงินตรงกลางคือยางแท่นเครื่อง ฝาสีเหลืองคือฝาเติมน้ำมันเครื่อง ท่อยางใหญ่ๆสีดำด้านขวาคือท่อไอดีเข้าเทอร์โบ
             แบตเตอร์รี่เป็นขนาดใหญ่ 62Ah ขนาดใหญ่กว่ารถ B-segment ปกติที่เป็น 49 แอมป์ ที่มีขนาดใหญ่ก็เพื่อรองรับระบบ Stop&Start แบตลูกนี้น่าจะมีราคาหลายพัน แพงกว่า 2 พันไปเยอะแน่นอน มีฉนวนกันความร้อนมาให้ด้วยเป็นฉนวนจริงๆ ไม่ใช้พลาสติคฟิวเจอร์บอร์ดแบบ Vios Yaris ที่กันความร้อนอะไรแทบไม่ได้ เผลอปีท้ายๆ ถอดออกเป็นแบตเปลื่อยๆอีกด้วยเพื่อลดต้นทุน
            สายไฟมีการหุ้มท่อ Corrugate และพันเทปมาให้ด้วย แม้จะมีบางจุดพันเทปไม่เรียบร้อยแต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ใช้แค่พันเทปมาให้เฉยๆ แบบบางรุ่น สายไฟชุดในรูปน่าจะผลิตจาก Yazaki  โดยสเปคการหุ้มจะถูกกำหนดจากบริษัทรถยนต์

ความรู้สึกหรือฟิลลิ่งหลังจากได้ลองขับ

               เนื่องจากการทดลองขับเป็นเส้นทางที่ทางนิสสันจัดให้เป็นลักษณะคล้ายสนามแข่งสั้นๆ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100 กม./ชม. แต่แอดมินก็พยายามขับให้เต็มประสิทธิภาพ หรือเค้นสมรรถนะของรถออกมาให้เต็มที่
-อัตราเร่ง
            เรื่องอัตราเร่งนั้นค่อนข้างหายห่วง เพราะมีอัตราเร่งที่ดีกว่า Eco car ในปัจจุบันทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น Yaris 1.2 ,Mazda 2 1.3 ถือว่าแรงเทียบเท่า City 1.5 หรือ Vios 1.5 ได้ แต่ช่วงออกตัวอาจจะรู้สึกช้านิดๆ แต่ไม่ได้มีผลอะไรมากมายในการขับขี่เลย เพราะช่วงออกตัวนี้คงต้องออกแบบการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้หน่วงนิดนึงเพื่อถนอมอายุการใช้งานของเกียร์ CVT เนื่องจากเครื่องตัวนี้เป็นเครื่องเทอร์โบที่เวลามีแรงบิดจะมาเยอะกว่าเครื่่องธรรมดา
             รวมทั้งอาจจะเป็นเหตุผลอีกข้อนึง จากแรงบิดของเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดตั้งแต่ 2,400-4,000 รอบต่อนาทีทั้งๆที่ปกติรถที่มีเทอร์โบขนาดเล็กมักจะมีแรงบิดสูงสุดมาตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป แอดก็เลยไม่แน่ใจว่าช่วงออกตัวที่ช้าๆนิดๆ นั้นมาจากการเซ็ทให้ถนอมเกียร์หรือแรงบิดจากเครื่องยนต์มาช้าจริงๆ แต่แต่แต่ ขอย้ำนะครับ ว่าแรงดึงตอนออกตัวนั้นสู้ Eco car ที่ขายอยู่ต่อนี้ได้สบาย และเมื่อออกตัวไปแล้ว อัตราเร่งนั้นคล่องตัวดีมาก เร่งในช่วงความเร็ว 60 ขึ้นไป เร่งได้ดี ทันใจใช้ได้สำหรับรถ B-segment
              ดังนั้นเรื่องความแรงหายห่วงไปได้ แต่ต้องมาดู New city อีกทีว่าทดลองขับจริงๆนั้นจะแรงกว่าไหม เพราะจากสเปคแรงม้า แรงบิดนั้น ดีกว่าอัลเมร่าเป็นที่เรียบร้อย
-พวงมาลัย
             เนื่องจากแอดมินยังไม่เคยขับ Note เลยไม่ขอเทียบ แต่จะเทียบกับ Yaris Swift Mazda 2 เมื่อได้ทดลองขับในคอร์สสั้นๆ ที่มีการเปลี่ยนเลนไปมามากกว่าการขับบนถนนปกติมาก แล้วแอดมินขับค่อนข้างใช้ความเร็ว ทำให้ต้องสาวพวงมาลัยกันมือเป็นลิง แต่ก็สามารถหักเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วดีมาก ขับผ่านกรวยได้อย่างเรียบร้อยไม่มีการชนสักอัน ดังนั้นพวงมาลัยถือว่าอัตราทดคล่องแคล่วทันใจดี เหมาะสมกับการขับในเมืองมาก แต่สำหรับน้ำหนักของพวงมาลัยอาจจะเบาไปนิดสำหรับผู้ชาย เบากว่ามาสด้า 2 และเหมือนจะเบาะกว่า Yaris นิดนึง น้ำหนักใกล้เคียง Swift ใหม่ สำหรับผู้หญิงน่าจะชอบน้ำหนักพวงมาลัยที่เซ็ตมาแบบนี้
-เบรค
           ระบบเบรคถือว่าใช้ได้ เบรคอยู่ แต่อาจจะไม่ดูดเท้าเหมือนเบรคของยาริส แต่ถ้าเหยียบน้ำหนักเพิ่มลงไปก็หยุดได้ดีเหมือนกัน แค่น้ำหนักในการเหยียบหรือการเพิ่มแรงเบรคหลังจากกดเบรคไปแล้วบางส่วนนั้นต่างกัน คือยาริสเพิ่มน้ำหนักเบรคไปนิดเดียวหัวทิ่ม แต่อัลเมร่าต้องเพิ่มน้ำหนักมากกว่าหน่อย แต่ก็หัวทิ่มได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ บางคนชอบแบบเพิ่มแรงนิดเดียวหัวทิ่ม บางคนชอบให้เพิ่มแรงเยอะจะเบรคได้นุ่มกว่า
-ช่วงล่าง
           ในจุดที่ลองขับไม่ได้ขับเร็วเกิน 100 กม/ชม. ทำให้ไม่ทราบในช่วงความเร็วสูง แต่ในช่วงความเร็วต่ำถึงปานกลางและมีการเข้าโค้งอย่างรุนแรง รวดเร็ว สลับไปมา ถือว่าช่วงล่างดีกว่าอัลเมร่าตัวเดิมแบบคนละเรื่อง ช่วงล่างแอบดีกว่ายาริสด้วยซ้ำ แรงเหวี่ยงสะสมเมื่อมีการหักซ้าย-หักขวาสลับไปมาต่อเนื่อง รถมีการเอียงแค่เล็กน้อย และจากพื้นสนามที่ไม่เรียบนัก อัลเมร่าใหม่ก็สามารถเก็บรอยต่อได้ดี ไม่รู้สึกสะเทือน นิ่มกว่า Mazda 2 แน่นอน และเหมือนแอบโคลงน้อยกว่า Swift นิดๆ ช่วงล่างเท่าที่แอดมินลองขับถือว่าเพียงพอ นุ่มสบายกำลังและไว้ใจได้
         

สรุปภาพรวม

       ในภาพรวมของอัลเมร่าใหม่เป็นรถที่น่าใช้มาก หน้าตาดี ทันสมัย ราคาน่าคบมาก วัสดุภายในในส่วนคอนโซลหน้าของตัว V และ VL ถือว่าดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เท่า Mazda 2 เครื่องยนต์แรงกว่า Eco car เดิมๆ เครื่อง 1,200-1,300 ซีซีแน่นอน ขึ้นเขา ขึ้นดอยได้สบายไม่ต้องห่วง ก็เหลือแค่ความคงทนของเกียร์ หรือพวกพัดลมหม้อน้ำ ตู้แอร์ที่มาร์ชและอัลเมร่ารุ่นเดิมเหมือนอายุจะสั้นไปหน่อย อย่างอื่นถือว่าโอเครมาก          โดยเฉพาะกล้องรอบคัน 360 องศา แอดมินว่าดีมีประโยชน์กว่า Cruise Control ซะอีก ส่วนเรื่องการขับขี่ พวงมาลัยช่วงล่างก็ได้มีการพัฒนากว่าตัวเก่าเยอะเลย ดีขึ้นมาก เป็นรถที่น่าใช้
        ถ้าในมุมมองของแอดมินตอนนี้อัลเมร่าเป็นรถที่น่าใช้มากกว่า Yaris Mazda 2 1.2 แล้วนะ เหลือแค่ศูนย์บริการที่ต้องทำการปรับปรุงพัฒนาอีกหน่อย เพราะต่อไปแอดมินเชื่อว่าอัลเมร่าจะขายดีมีรถเข้ามาใช้บริการเยอะแน่นอน และรถรุ่นนี้จะทำให้นิสสันกลับมาเป็นที่นิยมในตลาดรถเมืองไทยแน่นอน

ปล. ขอบคุณเป็นพิเศษ คุณทิพย์วิมล  จาก บ.สยามนิสสัน พีทูเอ็ม จำกัด สำหรับการดูแลและให้โอกาสแอดมินได้ไปชมรถและขับทดสอบมา ณ ที่นี้ด้วย ใครสนใจรถอัลเมร่าใหม่ หรืออยู่แถวกิ่งแก้ว ลาดกระบัง อ่อนนุช ติดต่อได้นะครับ โทร 095-864-4222 นานๆ แอดมินจะเจอเซลล์ขายรถที่เก่งๆ แบบนี้สักคน 

* สนใจติดตาม Drive Master Face Book Page ได้ทางลิ้ง : https://www.facebook.com/DriveMasterPage/?ref=bookmarks ** ทาง Drive Master ขอสงวนลิขสิทธ์ข้อมูลและเนื้อหา ห้ามนำเนื้อหาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งส่วนใดในเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Drive Master *** ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ภาพรวมรวมถึงความคุ้มค่าของรถรุ่นนี้ ผมว่าถือว่าตอนโจทย์ความเป็นอีโค่คาร์เลยครับ ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป รวมถึงการออกแบบที่ค่อนข้างสวยงามกว่ารุ่นเดิม สำหรับราคา nissan almera 2020 รุ่นใหม่ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ http://th-bigbike.com/nissan-almera/

    ตอบลบ