นิสสันอัลเมร่า เป็น B-Segment ที่เป็นตัวขายหลักของนิสสันไทยมาช้านาน หลังจากที่ยอดขายของอัลเมร่าซึ่งเป็นรถเก๋งซีดานที่ขายดีแซงหน้ามาร์ชที่เป็นรถ 5 ประตูท้ายตัด เนื่องจากจุดเด่นเรื่องขนาดภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางโดดเด่นกว่า Eco car รุ่นอื่นๆนั้นเอง แต่จากขนาดรถที่มีขนาดใหญ่แต่เครื่องยนต์มีขนาดเล็กไม่ค่อยเหมาะสมก็เป็นข้อด้อยเช่นกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะต้องการตีตั๋วเด็กเป็นรถ Eco car ตามสูตรของ March ดังเช่นที่ตอนนี้รถยนต์จาก B-segment เกือบทุกรุ่นตีตั๋วเด็กเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2, Yaris, Yaris Ativ, Mirage,Attrage ,Swift และอีกไม่นานจะมี City/Jazz ใหม่มาร่วมวงด้วย คงเหลือปล่อยให้ Vios โดดเดียวเดี่ยวดายอยู่รุ่นเดียวซึ่งก็ดูไม่ค่อยมีอนาคตเท่าไหร่แล้ว เพราะออฟชั่นน้อย ราคาแพง ระบบ Safety ก็มีแค่พื้นฐาน เครื่องยนต์ยุคใหม่ที่เป็น 1.0 เทอร์โบก็แรงสู้ได้ และยังไงก็ประหยัดกว่ามาทดแทนซะแล้ว
จากที่นิสสันอัลเมร่าได้ถูกเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาซึ่งจริงๆกำหนดการเปิดตัวของสื่อจะเป็นช่วงค่ำ 1 ทุ่ม แต่ได้มีการเปิดตัวกับดีลเลอร์ไปในช่วงบ่าย และมีการปล่อยให้ราคาหลุดมาก่อนในช่วง 5 โมงเพื่อสร้างกระแสคนเลิกงานพอดี ตามราคาในรูปด้านล่าง
จากราคาที่ตั้งใจปล่อยหลุดนั้นแอดมินถือว่าราคาดีมากๆเลยนะครับ ราคานี้ใกล้เคียงยาริสมากๆ นิสสันน่าจะเอาราคาYaris เป็นตัวเทียบ แต่เมื่อมองจากสเปคทั้งหมดทั้งเครื่องยนต์ หน้าตา การขับขี่ ณ ตอนนี้ แอดมินถือว่า อัลเมร่ามีความน่าสนใจกว่ายาริส และ Eco car คันอื่นๆ แบบทิ้งกระจาย คงต้องรอเทียบกับ New City อีกที แต่ราคาคร่าวๆ New City ที่แอดมินมีนั้น ราคาไม่ได้น่าคบแบบอัลเมร่าแน่ๆ ตัวเริ่มและตัวท๊อปจะแพงกว่าอัลเมร่าหลัก 2-4 หมื่นเลย (ถ้าราคายังเป็นราคาเดิม ไม่เปลี่ยนราคาอีกครั้งหลังจากเจอราคาช๊อคของอัลเมร่าเข้าไปนะครับ)
ภายนอก
คันนี้เป็นรุ่น VL รูปลักษณ์ภายนอก ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม จากเดิมที่แอดมินมองว่าหน้าตาค่อนข้างเฉิมไม่สวยเอาซะเลย และท้ายที่ดูยาวและลาดลีบเกินไป แต่กับตัวใหม่ ถือว่าสวยเลย ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง อาจจะมีแค่ส่วนท้ายด้านข้างที่อาจจะดูยาวไปสักนิด ถ้าสั้นเข้ามาหน่อยจะลงตัวมากๆ
ด้านหน้ามุมตรง ดูดี คม และมีเส้นสายที่ลงตัวไม่เยอะเกินไปแบบ Mirage/Attrage Minor change ได้อานิสงค์จากรุ่นใหญ่ของค่ายอย่างอัลติม่า ทำให้ด้านหน้าดูดี และมองดูไม่เป็นรุ่นเล็กๆ กระจังหน้าสีดำ กรอบกันชนที่ต่อจากกระจังหน้าลงมาเกือบถึงกันชนส่วนล่างเป็นสีดำเงาสวยงาม แต่อาจจะดูแลยากหน่อยตรงเป็นรอยขนแมว กันชนด้านข้างรอบๆไฟตัดหมอกดูสวยงามลงตัว เส้นสายไม่เยอะไปแบบบางค่ายๆ
เส้นสายด้านข้างอาจจะดูเรียบๆ แต่ดูดี เพราะมีการเพิ่มเส้นสายเว้าด้านล่างของประตูจากประตูหน้าไปถึงประตูหลัง เพื่อไม่ได้ด้านข้างรถดูหนาเกินไป และยังทำให้มีความแข็งแรงที่ผิวประตูเพิ่มขึ้นอีกด้วย กรอบกระจกข้างบานหลังมีการตวัดเส้นสายลากขึ้นไปบรรจบกับกรอบสีดำที่เสาซี เพื่อไม่ให้ดูท้ายรถห้อยเกินไปหรือยาวเกินไปแบบรุ่นเก่า
ไฟหน้าเป็นแบบ LED Multi reflector (สไตล์คล้ายๆ City ปัจจบัน) เฉพาะในรุ่น V และ VL ประกอบด้วยไฟ 6 ชุดทั้งไฟต่ำ ไฟสูง และไฟเลี้ยวเพิ่มอีก 1 ชุดที่หลอดธรรมดาสีส้มมีเลนส์ใสครอบทับอีกชั้นนึง กรอบไฟเส้นสีขาวๆที่ลากจากด้านบนข้างนอกลงมาที่ด้านในด้านล่าง คล้ายๆ DRL แต่ทำหน้าที่เป็นแค่ไฟหรี่ ไม่ได้เป็น DRL ที่ติดตลอดเวลาที่ขับรถแบบรถยุคสมัยใหม่น่าเสียดายมาก (จากข้อมูลที่แอดทราบนะครับ ถ้าเป็น DRL ด้วยรบกวนบอกแอดหน่อยนะครับ) ไฟตัดหมอกเป็น LED มีเฉพาะในรุ่นท๊อป
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลียว LED ที่เป็น LED จริงๆ ไม่ใช่ทรง LED แต่เป็นหลอดธรรมดาแบบที่ค่ายดังทำ ด้านล่างมีกล้องสำหรับระบบกล้องรอบคัน 360 องศา ในรุ่น V และ VL
ล้อเป็นล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว กว้าง 5.5 นิ้ว พ่นสีเงิน ลายดูดีเหมือนกัน แต่อาจจะแคบไปนิด เพราะกว้างแค่ 5.5 นิ้ว น่าจะเป็น 6.5 นิ้วถึงจะเหมาะสม ทำให้ล้อไม่ดูหุบไปในซุ้มจนเกินไป
ยางเป็นยาง Bridgestone Ecopia ขนาด 195/65 R15 เน้นประหยัดน้ำมัน ค่า RRC ต่ำ เพื่อล้อกลิ้งหมุนได้ง่ายมากขึ้น
ด้านท้ายและด้านข้าง สังเกตุว่าจะมีการเล่นเส้นสายที่เสา C เพื่อให้ตัวรถไม่ดูน่าเบื่อและเสา C ไม่ดูหนาจนเกินไป ซึ่งถ้าเป็นตัวถังแบบเดิมๆ จะทำให้ส่วนของตัวถังที่อยู่หลังล้อหลังและเสา C ดูใหญ่เกินไปไม่สวยงาม
ไฟท้ายเป็นทรง Signature Light ตามไฟหน้า เป็นแบบ LED สำหรับไฟท้ายและไฟเบรค ส่วนไฟเลี้ยวและไฟถอยยังเป็นหลอดไส้แบบธรรมดา รูปทรงสวยงาม ช่วยทำให้ท้ายดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยขึ้น พร้อม Logo VL Turbo ที่ด้านขวา บ่งบอกความเป็นตัวท๊อป เครื่องเทอร์โบนะ ไม่ได้อืดเหมือนเดิมแล้ว
ด้านท้ายห้องเก็บสัมภาระมีขนาดใหญ่เหลือเฟือ กรอบเสาฝากระโปรงท้ายไม่มีพาสติคหุ้มสายไฟยึดกับเสาด้วยเทปพลาสติคบางๆ แบบ Altis จุดนี้น่าจะปรับปรุงทั้ง 2 รุ่น ไม่รู้ใครลดต้นทุนตามใครแต่แบบนี้ไม่เอานะครับ มีฉนวนปิดใต้ฝาท้ายให้อันนี้ดีครับ
Almera ใหม่ได้ทำการลดน้ำหนักเพื่อให้ได้ค่าความประหยัดน้ำมันตาม Eco car จึงทำให้ไม่มียางอะไหล่มาให้ มีเพียงน้ำยาปะยางฉุกเฉินมีน้ำยาและปั้มลมของ Continental มาให้แทน ก็สะดวกดี แต่ถ้าแก้มยางฉีกปะยางไม่ได้ก็จบกัน ลากขึ้นรถสไลด์อย่างเดียว จุดนี้เป็นการลดน้ำหนักและลดต้นทุนไปได้เกือบพันบาทเลยทีเดียว
ไฟเบรคดวงที่ 3 อยู่ที่ถาดท้ายรถ ในกระจกหลังเป็นแบบ LED 6 ดวง บางรุ่นเจ้าตลาดมีแค่ 4-5 ดวงเองนะ
ใต้โลโก้ Nissan ท้ายรถ เป็นส่วนของที่เปิดฝาท้ายแบบไฟฟ้าปุ่มสีดำ ไฟส่องทะเบียน และกล้องมองหลัง
ภายในดูกว้างขวางโอโถ่งแบบเดิม เพราะจริงๆแล้ว อัลเมร่าเป็นรถ B-Segment ดังนั้นเรื่องความกว้าง ใหญ่โตเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน ในด้านวัสดุภายในจริงๆ ก็มีการปรับปรุงในบางส่วน ที่เห็นชัดๆ ก็คือชุดคอนโซลหน้า และแผงประตู
แผงประตูหน้าวัสดุหลักจะเป็นพลาสติคแข็งเกือบทั้งหมดและเป็นการกัดลวดลายที่โดยส่วนตัวของแอดมินไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะมันทำให้ดูไม่หรู ไม่แพง ทั้งๆที่จริงๆวัสดุก็เป็นพลาสติคแข็งไม่ต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Mazda 2 ที่ภายในดูดีที่สุดในกลุ่ม Eco car ก็ตาม
แต่ส่วนที่ปรับปรุงให้ดูดีขึ้นก็คือในส่วนหนังที่หุ้มบริเวณในส่วนที่วางแขนที่แผงประตู ทำการหุ้มหนังให้เรียบร้อยแม้จะเป็นหนังเทียมแบบ PVC/PU ก็ตาม แต่ก็ทำให้ดูแลได้ง่ายกว่ารุ่นอื่นๆที่ชอบหุ้มด้วยผ้าสีดำ ที่พอใช้ไปสักพักมันเปรอะฝุ่นก็จะดูขาวๆสกปรกไม่สวยงามเลย และส่วนของกรอบสวิสซ์ควบคุม มีการกัดลายพลาสติคเป็นลายคล้ายๆคาร์บอน ซึ่งแอดมินเฉยๆ เพราะมันก็ไม่ได้ทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น แต่ต้นทุนก็จะเพิ่มในการกัดลายที่แม่พิมพ์นิดหน่อย วัสดุก็พลาสติคแข็งเหมือนเดิม
เบาะหน้าจะทรงเดียวกันทุกรุ่น ปรับมือสามารถยกขึ้นลงได้ แต่ตัว V และ VL จะเป็นขอบสีขาวครีมให้ที่ปีกเบาะเป็นโทนสีเดียวกับคอนโซลหน้าสีขาว ส่วนรุ่นอื่นๆ จะเป็นเบาะผ้าสีดำทั้งตัว ไม่มีเบาะหนังทุกเกรด
สำหรับใครที่ชอบเบาะหนังแล้วจะไปหุ้มได้ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น VL ที่มีถุงลมนิรภัยด้านข้างที่ตัวเบาะ ทำให้ไม่สามารถหุ้มได้ (ถ้าหุ้มเบาะหนัง แอดมินแนะนำไปหุ้มเองที่หลัง หรือไม่ก็ขออัพราคาในของแถม ให้มีเป็นเบาะหนังแท้สำหรับส่วนที่สัมผัส เพราะถ้าเป็นเบาะแถมส่วนใหญ่เป็นหนัง PVC ซึ่งจะแข็ง แตก ฉีกขาดตามตะเข็มด้ายไม่คงทน และต้นทุนเบาะ PVC ถูกกว่าเบาะผ้าเดิมด้วยซ้ำ)
ด้านหลังที่นั่งก็กว้างขวางดี แต่แอดมินรู้สึกว่า Legroom ช่วงขามันสั้นกว่าเดิมนิดนึงนะครับ แต่ก็เพียงพอๆ เหลือใหญ่กว่า Mazda 2 เยอะแน่นอน และน่าจะใหญ่กว่า Yaris Ativ ด้วย
แผงประตูหลัง ก็มีการหุ้มหนังมาให้สำหรับส่วนที่เท้าแขนซึ่งดีมาก ดีกว่า CHR คันเป็นล้านซะอีก ที่เป็นพลาสติคแข็งทั้งบาน รวมทั้ง Altis ตัว 1.6 G ด้วยนะ
นี้คือความห่างช่วงขา Legroom ที่น่าจะห่างจากเบาะหน้าเกือบคืบนึง (แอดมินสูง 170 ซม. ปรับเบาะหน้าตำแหน่งขับ) ดังนั้นหมดห่วงได้เรื่องความกว้างและยาว
คอนโซลหน้าสำหรับรุ่น V และ VL ถือเป็นการปรับปรุงโดยการใส่หนังเทียมและมีการเดินด้ายจริงในส่วนที่เป็นสีขาวมาให้เพื่อเพิ่มความหรูหรา แต่ส่วนอื่นๆก็เป็นพลาสติคแข็งเหมือนเดิม รุ่นเกรดอื่นๆส่วนที่เป็นสีขาวจะเป็นพลาสติคแข็งสีดำกัดลายตะเข็มด้ายปลอมมาให้แทน คอนโซลหน้าได้ออกแบบให้มีการสมมาตรให้มากที่สุด ทั้งช่องแอร์ ความลาดเอียงของคอนโซลสีขาว ซึ่งรวมๆ ก็ดูเรียบง่าย สวยงาม ดูดีใช้ได้ ดูดีกว่า Yaris Ativ แน่นอน แต่ถ้าเทียบกับมาสด้า 2 ก็ยังถือว่าใกล้เคียงพอๆกัน พวงมาลัยทรงตัดด้านล่างดูคล้ายๆของ Note
ช่องแอร์ซ้าย-ขวา เป็นทรงกลม ตบแต่งด้วยขอบสีเงิน กลไกการเปิดปิด เป็นแบบสมัยใหม่ที่กำลังนิยม หรือมองอีกมุมนึงก็เหมือนช่องแอร์รถเมลล์ ปอ. นั้นเอง 555ด้านหน้าก้านเกียร์จะเป็นปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ที่ย้ายจากคอนโซลหน้ามาเป็นที่ชุดฐานเกียร์ เหมือนรถยุโรปรุ่นใหม่ๆหลายรุ่น เกียร์มี 5 ตำแหน่งไม่มีตำแหน่งโยก +- มาให้ มีแค่ L เพื่อใช้เกียร์ต่ำมาให้ กรอบฐานเกียร์ตบแต่งด้วยพลาสติคดำเงา ที่ดูแลยากมาก สังเกตุได้จากรูป รอยนิ้วมือเพียบ มีช่อง Shift Lock สำหรับเสียบกุญแจปลดเข้าเกียร์ว่า N ในกรณีจอดขวางให้เข็นได้
ชุดเครื่องเสียงสำหรับตัว V และ VL เป็นจอขนาด 8 นิ้วทัชสกรีน เชื่อมต่อ Bluetooth ,USB , AUX และ apple car play ได้ ซึ่งแอดมินว่าออกแบบได้ดูดีน่าใช้กว่ารถหลายรุ่น ดูดีกว่าเครื่องเสียงของ Honda Toyota หลายๆรุ่น ปุ่มกดด้านข้างใหญ่ใช้งานง่าย
สำหรับรุ่นที่มีจอแบบนี้ จะดูกล้องรอบคัน 360 องศาได้ ซึ่งเป็นออฟชั่นที่แอดมินชอบมากๆเป็นพิเศษ ทำให้จอดรถในที่แคบๆได้เนียนและสะดวกมากๆๆ ออฟชั่นนี้ดีกว่า D segment บางรุ่นด้วยซ้ำไป จุดนี้ขอชื่นชมอัลเมร่าเลยครับ สำหรับฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ที่จัดออฟชั่นนี้มา ถือเป็นออฟชั้นที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงสำหรับรถยุคสมัยนี้
พวงมาลัยทรงตัดด้านล่างแบบสปอร์ต หุ้มหนังสำหรับตัวท๊อป ตัวอื่นๆเป็นหุ้มยูริเทน ปุ่มด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับชุดเครื่องเสียง ปุ่มด้านขวาเป็นปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ไม่มี Cruise Control มาให้
หน้าปัทม์เป็นลูกผสมระหว่าง ด้านขวามีชุดความเร็วที่เป็นแบบเข็มอนาล็อก แต่ด้านซ้ายเป็นจอ TFT ขนาด 7 นิ้วแสดงผลได้หลายอย่าง ขนาดใหญ่กว่า Altis Esport ราคาเกือบ 1 ล้านด้วยซ้ำ 555 ถือว่าให้ออฟชั่นมาดีมาก แต่แต่แต่ ออฟชั่นนี้มีเฉพาะตัว V และ VL เท่านั้นนะครับ
ชุดปรับแอร์ดูสวยงาม เรียบร้อย พร้อมจอแสดงผล ปุ่มหมุนซ้ายปรับแรงพัดลม ปุ่มขวาปรับอุณหภูมิ ซึ่งการเป็นปุ่มหมุนใช้งานได้สะดวกกว่าแบบกดปุ่มเมื่อปรับเวลาขับรถ พร้อมทั้งยังมีจอแสดงผลการปรับให้ดูด้วย ซึ่งก็มีสำหรับตัว V และ VL เท่านั้น รุ่นต่ำลงไปเป็นแบบปุ่มหมุน 3 ปุ่มแบบทั่วไป ไม่มีจอแสดงผล
ใต้ชุดควบคุมแอร์ มีช่องที่วางของเล็ก พร้อมช่องเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้า ACC. ช่อง USB ฟังเพลง ซึ่งตัวท๊อปมีมาให้ 3 ช่อง หน้า กลาง หลัง และมีช่อง AUX ให้ 1 ช่อง
เบรคมือยังเป็นไปกลไกมือดึงแบบปกติ ยังไม่มีเบรคมือไฟฟ้า และระบบ Hold เวลารถติดไฟแดงมาให้ ซึ่ง New City น่าจะมีมาให้ ส่วนที่วางแก้วเป็นหลุมพลาสติคง่ายๆ เลย น่าจะมีตัวหนีบแก้วเพื่อป้องกันแก้วน้ำล้มมาให้ จุดนี้ควรปรับปรุง
ปุ่มด้านขวาของคอนโซลหน้า มีช่องมาให้ 5 ช่อง แต่ใช้งานแค่เพียงช่องเดียว เป็๋นปุ่มเปิด-ปิด Auto start -stop มาให้ เพื่อให้รถประหยัดน้ำมัน และไอเสียต่อกม.ต่ำผ่านมาตราฐาน Eco car เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เป็นผลดีต่อแบตเตอร์รี่เพราะการสตาร์ทและดับบ่อยๆ ทำให้แบตอายุสั้นลง
ถัดลงมาเป็นปุ่มดึงเพื่อเปิดฝากระโปรงหน้า และฝาช่องเติมน้ำมัน
ปุ่มชุดควบคุมหน้าต่างเฉพาะรุ่นท๊อปจะตบแต่งด้วยกรอบสีเงินล้อมรอบ สวิสซ์เป็น Auto ขึ้นลงเฉพาะบานคนขับ น่าเสียดายน่าจะเป็นทั้งกระจกคู่หน้าถึงจะเหมาะสม จุดนี้ควรปรับปรุงต่อ Minor change ปีหน้านะมีไฟส่องแผนที่มาให้ด้วย ถือว่ายอดเยี่ยม ถึงแม้จะไม่เป็นหลอด LED ก็เถอะ แต่ก็ถือว่าเหมาะสมมาก ดีกว่าคู่แข่งบางรุ่น
มีไฟกลางห้องโดยสารมาให้ด้วย หมดปัญหาเรื่อง Eco car ประหยัดไฟในห้องโดยสารเพราะมีไฟแค่ดวงเดียวไปได้เลย ของหล่นตอนกลางคืนหาเจอแน่นอน เพราะสว่างใช้ได้
ม่านบังแดดคู่หน้า มีกระจกมาให้ ส่วนไฟแต่งหน้าไม่มี แต่ก็สามารถใช้ไฟอ่านแผ่นที่ทดแทนได้ จุดนี้เสมอตัว
มือจับสำหรับโหนหรือแขวนของ มีมาให้ 3 ตำแหน่ง เป็นแบบพับด้วย ถือว่าเยี่ยมยอด ดีกว่า CHR คันละล้านกว่าด้วยซ้ำ ที่ไม่มีสำหรับเบาะหลัง
เครื่องยนต์ 999 ซีซีพ่วงเทอร์โบ DOHC 100 แรงม้า PS /5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 152 นิวตัน-เมตร/2,400-4,000 รอบต่อนาที พอเป็นเครื่องเทอร์โบก็จะมีระบบท่อต่างๆ เยอะมากขึ้นเยอะ สังเกตุได้จากรถหลายๆรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Civic 1.5 turbo RS หรือแม้แต่ Ford Fiesta Eco boost ก็มีท่อต่างๆเต็มไปหมดเหมือนกัน
ถ้ามีฝาครอบเครื่องก็จะทำให้ดูสวยงามขึ้น แต่ก็ทำให้สะสมความร้อนและดูแลตรวจตาด้วยการมองได้ยากเพราะมองไม่เห็น สำหรับแอดมินอยากให้มีนะเพราะแอดมินขับรถถึงบ้านก็เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อนทุกวันอยู่แล้วเพราะเป็นรถเทอร์โบและยังช่วยให้ท่อยางหรือพลาสติคต่างๆ รวมทั้งสายไฟกรอบแตกช้าลงยืดอายุการใช้งานให้มากขึ้น
ในส่วนของเทอร์โบเป็นแบบไอเสียมาปั่นเพื่อสร้างแรงดันอากาศ และมีชุดควบคุมแรงดันไอเสียด้วยไฟฟ้า จากรูปแต่แอดมินยังมองเห็นไม่ค่อยชัดเพราะในโกดังแสงมันน้อย
จากรูปถังสีขาวด้านซ้ายคือถังพักน้ำหม้อน้ำ ถังสีขาวตรงกลางด้านบนคือชุดน้ำมันเบรค เหล็กสีเงินตรงกลางคือยางแท่นเครื่อง ฝาสีเหลืองคือฝาเติมน้ำมันเครื่อง ท่อยางใหญ่ๆสีดำด้านขวาคือท่อไอดีเข้าเทอร์โบ
แบตเตอร์รี่เป็นขนาดใหญ่ 62Ah ขนาดใหญ่กว่ารถ B-segment ปกติที่เป็น 49 แอมป์ ที่มีขนาดใหญ่ก็เพื่อรองรับระบบ Stop&Start แบตลูกนี้น่าจะมีราคาหลายพัน แพงกว่า 2 พันไปเยอะแน่นอน มีฉนวนกันความร้อนมาให้ด้วยเป็นฉนวนจริงๆ ไม่ใช้พลาสติคฟิวเจอร์บอร์ดแบบ Vios Yaris ที่กันความร้อนอะไรแทบไม่ได้ เผลอปีท้ายๆ ถอดออกเป็นแบตเปลื่อยๆอีกด้วยเพื่อลดต้นทุน
สายไฟมีการหุ้มท่อ Corrugate และพันเทปมาให้ด้วย แม้จะมีบางจุดพันเทปไม่เรียบร้อยแต่ก็ถือว่าพอใช้ได้ ไม่ใช้แค่พันเทปมาให้เฉยๆ แบบบางรุ่น สายไฟชุดในรูปน่าจะผลิตจาก Yazaki โดยสเปคการหุ้มจะถูกกำหนดจากบริษัทรถยนต์
ความรู้สึกหรือฟิลลิ่งหลังจากได้ลองขับ
เนื่องจากการทดลองขับเป็นเส้นทางที่ทางนิสสันจัดให้เป็นลักษณะคล้ายสนามแข่งสั้นๆ ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100 กม./ชม. แต่แอดมินก็พยายามขับให้เต็มประสิทธิภาพ หรือเค้นสมรรถนะของรถออกมาให้เต็มที่-อัตราเร่ง
เรื่องอัตราเร่งนั้นค่อนข้างหายห่วง เพราะมีอัตราเร่งที่ดีกว่า Eco car ในปัจจุบันทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น Yaris 1.2 ,Mazda 2 1.3 ถือว่าแรงเทียบเท่า City 1.5 หรือ Vios 1.5 ได้ แต่ช่วงออกตัวอาจจะรู้สึกช้านิดๆ แต่ไม่ได้มีผลอะไรมากมายในการขับขี่เลย เพราะช่วงออกตัวนี้คงต้องออกแบบการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้หน่วงนิดนึงเพื่อถนอมอายุการใช้งานของเกียร์ CVT เนื่องจากเครื่องตัวนี้เป็นเครื่องเทอร์โบที่เวลามีแรงบิดจะมาเยอะกว่าเครื่่องธรรมดา
รวมทั้งอาจจะเป็นเหตุผลอีกข้อนึง จากแรงบิดของเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดตั้งแต่ 2,400-4,000 รอบต่อนาทีทั้งๆที่ปกติรถที่มีเทอร์โบขนาดเล็กมักจะมีแรงบิดสูงสุดมาตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาทีขึ้นไป แอดก็เลยไม่แน่ใจว่าช่วงออกตัวที่ช้าๆนิดๆ นั้นมาจากการเซ็ทให้ถนอมเกียร์หรือแรงบิดจากเครื่องยนต์มาช้าจริงๆ แต่แต่แต่ ขอย้ำนะครับ ว่าแรงดึงตอนออกตัวนั้นสู้ Eco car ที่ขายอยู่ต่อนี้ได้สบาย และเมื่อออกตัวไปแล้ว อัตราเร่งนั้นคล่องตัวดีมาก เร่งในช่วงความเร็ว 60 ขึ้นไป เร่งได้ดี ทันใจใช้ได้สำหรับรถ B-segment
ดังนั้นเรื่องความแรงหายห่วงไปได้ แต่ต้องมาดู New city อีกทีว่าทดลองขับจริงๆนั้นจะแรงกว่าไหม เพราะจากสเปคแรงม้า แรงบิดนั้น ดีกว่าอัลเมร่าเป็นที่เรียบร้อย
-พวงมาลัย
เนื่องจากแอดมินยังไม่เคยขับ Note เลยไม่ขอเทียบ แต่จะเทียบกับ Yaris Swift Mazda 2 เมื่อได้ทดลองขับในคอร์สสั้นๆ ที่มีการเปลี่ยนเลนไปมามากกว่าการขับบนถนนปกติมาก แล้วแอดมินขับค่อนข้างใช้ความเร็ว ทำให้ต้องสาวพวงมาลัยกันมือเป็นลิง แต่ก็สามารถหักเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วดีมาก ขับผ่านกรวยได้อย่างเรียบร้อยไม่มีการชนสักอัน ดังนั้นพวงมาลัยถือว่าอัตราทดคล่องแคล่วทันใจดี เหมาะสมกับการขับในเมืองมาก แต่สำหรับน้ำหนักของพวงมาลัยอาจจะเบาไปนิดสำหรับผู้ชาย เบากว่ามาสด้า 2 และเหมือนจะเบาะกว่า Yaris นิดนึง น้ำหนักใกล้เคียง Swift ใหม่ สำหรับผู้หญิงน่าจะชอบน้ำหนักพวงมาลัยที่เซ็ตมาแบบนี้
-เบรค
ระบบเบรคถือว่าใช้ได้ เบรคอยู่ แต่อาจจะไม่ดูดเท้าเหมือนเบรคของยาริส แต่ถ้าเหยียบน้ำหนักเพิ่มลงไปก็หยุดได้ดีเหมือนกัน แค่น้ำหนักในการเหยียบหรือการเพิ่มแรงเบรคหลังจากกดเบรคไปแล้วบางส่วนนั้นต่างกัน คือยาริสเพิ่มน้ำหนักเบรคไปนิดเดียวหัวทิ่ม แต่อัลเมร่าต้องเพิ่มน้ำหนักมากกว่าหน่อย แต่ก็หัวทิ่มได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ บางคนชอบแบบเพิ่มแรงนิดเดียวหัวทิ่ม บางคนชอบให้เพิ่มแรงเยอะจะเบรคได้นุ่มกว่า
-ช่วงล่าง
ในจุดที่ลองขับไม่ได้ขับเร็วเกิน 100 กม/ชม. ทำให้ไม่ทราบในช่วงความเร็วสูง แต่ในช่วงความเร็วต่ำถึงปานกลางและมีการเข้าโค้งอย่างรุนแรง รวดเร็ว สลับไปมา ถือว่าช่วงล่างดีกว่าอัลเมร่าตัวเดิมแบบคนละเรื่อง ช่วงล่างแอบดีกว่ายาริสด้วยซ้ำ แรงเหวี่ยงสะสมเมื่อมีการหักซ้าย-หักขวาสลับไปมาต่อเนื่อง รถมีการเอียงแค่เล็กน้อย และจากพื้นสนามที่ไม่เรียบนัก อัลเมร่าใหม่ก็สามารถเก็บรอยต่อได้ดี ไม่รู้สึกสะเทือน นิ่มกว่า Mazda 2 แน่นอน และเหมือนแอบโคลงน้อยกว่า Swift นิดๆ ช่วงล่างเท่าที่แอดมินลองขับถือว่าเพียงพอ นุ่มสบายกำลังและไว้ใจได้
สรุปภาพรวม
ในภาพรวมของอัลเมร่าใหม่เป็นรถที่น่าใช้มาก หน้าตาดี ทันสมัย ราคาน่าคบมาก วัสดุภายในในส่วนคอนโซลหน้าของตัว V และ VL ถือว่าดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เท่า Mazda 2 เครื่องยนต์แรงกว่า Eco car เดิมๆ เครื่อง 1,200-1,300 ซีซีแน่นอน ขึ้นเขา ขึ้นดอยได้สบายไม่ต้องห่วง ก็เหลือแค่ความคงทนของเกียร์ หรือพวกพัดลมหม้อน้ำ ตู้แอร์ที่มาร์ชและอัลเมร่ารุ่นเดิมเหมือนอายุจะสั้นไปหน่อย อย่างอื่นถือว่าโอเครมาก โดยเฉพาะกล้องรอบคัน 360 องศา แอดมินว่าดีมีประโยชน์กว่า Cruise Control ซะอีก ส่วนเรื่องการขับขี่ พวงมาลัยช่วงล่างก็ได้มีการพัฒนากว่าตัวเก่าเยอะเลย ดีขึ้นมาก เป็นรถที่น่าใช้
ถ้าในมุมมองของแอดมินตอนนี้อัลเมร่าเป็นรถที่น่าใช้มากกว่า Yaris Mazda 2 1.2 แล้วนะ เหลือแค่ศูนย์บริการที่ต้องทำการปรับปรุงพัฒนาอีกหน่อย เพราะต่อไปแอดมินเชื่อว่าอัลเมร่าจะขายดีมีรถเข้ามาใช้บริการเยอะแน่นอน และรถรุ่นนี้จะทำให้นิสสันกลับมาเป็นที่นิยมในตลาดรถเมืองไทยแน่นอน
ถ้าในมุมมองของแอดมินตอนนี้อัลเมร่าเป็นรถที่น่าใช้มากกว่า Yaris Mazda 2 1.2 แล้วนะ เหลือแค่ศูนย์บริการที่ต้องทำการปรับปรุงพัฒนาอีกหน่อย เพราะต่อไปแอดมินเชื่อว่าอัลเมร่าจะขายดีมีรถเข้ามาใช้บริการเยอะแน่นอน และรถรุ่นนี้จะทำให้นิสสันกลับมาเป็นที่นิยมในตลาดรถเมืองไทยแน่นอน
ปล. ขอบคุณเป็นพิเศษ คุณทิพย์วิมล จาก บ.สยามนิสสัน พีทูเอ็ม จำกัด สำหรับการดูแลและให้โอกาสแอดมินได้ไปชมรถและขับทดสอบมา ณ ที่นี้ด้วย ใครสนใจรถอัลเมร่าใหม่ หรืออยู่แถวกิ่งแก้ว ลาดกระบัง อ่อนนุช ติดต่อได้นะครับ โทร 095-864-4222 นานๆ แอดมินจะเจอเซลล์ขายรถที่เก่งๆ แบบนี้สักคน
* สนใจติดตาม Drive Master Face Book Page ได้ทางลิ้ง : https://www.facebook.com/DriveMasterPage/?ref=bookmarks ** ทาง Drive Master ขอสงวนลิขสิทธ์ข้อมูลและเนื้อหา ห้ามนำเนื้อหาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งส่วนใดในเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Drive Master *** ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ภาพรวมรวมถึงความคุ้มค่าของรถรุ่นนี้ ผมว่าถือว่าตอนโจทย์ความเป็นอีโค่คาร์เลยครับ ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป รวมถึงการออกแบบที่ค่อนข้างสวยงามกว่ารุ่นเดิม สำหรับราคา nissan almera 2020 รุ่นใหม่ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ http://th-bigbike.com/nissan-almera/
ตอบลบ