https://drivemasterpage.blogspot.com/

พาชม Toyota Corolla Altis Hybrid High คันจริงสไตล์ Drive Master และเล่าฟิลลิ่งหลังลองขับ 1.8 GR vs Hybrid High

  หลังจากที่ครั้งก่อน แอดมินได้พอไปชม New Toyota Corolla Altis ใหม่ตัว 1.6G กันแบบละเอียดๆ แล้วตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
https://drivemasterpage.blogspot.com/2019/09/new-corolla-altis-16g-839000.html
คร่าวนี้แอดมินจะพามาชมตัวท๊อป Hybrid High กัน โดยหลักๆจะดูในภาพรวมและจุดแตกต่างจากตัว 1.6G ยอดนิยม และส่วนท้ายจะมีการบรรยายฟิลลิ่งหลังจากทดลองขับ 1.8 GR vs Hybrid High แบบอารมณ์คนที่จะซื้อรถรุ่นนี้ใช้จริงๆ
ก่อนอื่นๆ แอดมินว่ารอบนี้ Altis เปิดตัวด้วยสีเทาฟ้า (Celestite Gray) ทำให้รถดูดีมาก และดูดีกว่าสีแดงของตัว 1.8 GR เยอะเลย (แอดมินจะไม่เรียก GR sport เพราะมันเข้าใจยากและยังไม่ได้เข้าถึงอารมณ์สปอร์ตสนามแข่งขนาดนั้น เดี๋ยวแอดมินจะให้เหตุผลในส่วนฟิลลิ่งช่วงทดลองขับ)
มาเริ่มที่ส่วนหน้าของกันชน หน้าตาหลักของกันชนหน้าจะเหมือนกัน แต่ในส่วนที่เป็นตะแกรงถี่ๆแนวนอนใต้ป้ายทะเบียนของตัวท๊อปจะเป็นพลาสติคดำเงาดูดี (ตัว 1.6G เป็นพลาสติคดำด้านผิวขรุขระทั่วไป) พอเป็นดำเงาก็จะทำให้ด้านหน้าดูหรูหรามากขึ้นแต่ก็เป็นรอยขีดขวนง่ายขึ้นด้วย กระจังหน้าจะเหมือนกันแต่โลโก้โตโยต้าจะเป็นแบบพลาสิคเรียบใส สามารถให้ส่วนของเรดาร์ระบบ Active Safety อยู่ด้านในกระจังหน้าเพื่อป้องกันโดนหินกระแทก แต่ถ้าเกิดการชนก็น่าจะงานเข้าเพราะคงต้องเปลี่ยนตัวเรดาร์ตัวนี้ด้วย ราคาก็คงหลายพัน
กรอบไฟตัดหมอกเป็นพลาสติคสีดำไม่เงา และตบแต่งด้วยแถมโครเมียมจากบนลงล่าง มาพร้อมไฟตัดหมอกแบบ LED
ไฟหน้าเป็นโปรเจคเตอร์ LED พร้อม DRL แบบแนวเส้นยาว (ตัว 1.6G เป็นหลอดฮาโลเจนสีเหลือง DRL เป็น LED แบบ 2 ดวง โดดๆ) พร้อมตบแต่งเป็นแถบสีฟ้า เพื่อบ่งบอกความเป็น Hybrid
ไฟเลี้ยวกระจกมองข้าง จากที่ตัว 1.6G ไม่แน่ใจว่าเป็นหลอดธรรมดาหรือ LED คร่าวก่อน รอบนี้แอดมินส่องเข้าไปด้านในสำหรับตัวท๊อปเป็น LED แน่นอนแต่ 1 หรือ 2 ดวง ยังมองไม่ชัด
ล้อตัวท๊อป และตัว 1.8 GR เป็นขนาด 17 นิ้ว แต่ลายคนละลาย ตัวนี้ลายสวยกว่าแต่เวลาล้างยากกว่ากันเยอะแน่ๆ
มาพร้อมกับยาง Michelin Primacy 4 ที่เน้นนุ่มเงียบ การเกาะถนนปานกลางไม่หนึบเท่า PS4 ขนาด 225/45/17 ทั้งสี่ล้อ แอดมินมองความห่างของซุ้มล้อเหนือล้อ ก็รู้สึกว่าโฉมนี้จะสูงกว่าตัวเก่า เพราะซุ้มล้อห่างกว่า Civic เยอะ (Civic จะไม่ห่างเยอะ เหมือนรถโหลดเตี้ยนิดๆ) ทำให้ความสูงใต้ท้องห่างจากพื้นมากว่า Civic หรือเพราะทางโตโยต้า จงใจยกสูงกว่าปกติที่ขายที่ประเทศอื่น เพื่อหนี้น้ำท่วมในเมืองและป้องกันปัญหาสำหรับรถไฮบริดที่ย้ายแบตมาไว้ใต้เบาะหลัง
ตัวท๊อปสำหรับรถไฮบริดเพื่อประหยัดไฟ และมีราคาสูงมากขึ้น ทำให้สามารถใส่ไฟท้ายเป็น Full LED ทั้งไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยวและไฟถอย ถือว่าดูดีกว่าตัว 1.6G เยอะเลย ส่วนแถบโครเมียมใต้ไฟนั้นเหมือนกัน
ท่อไอเสียออกข้างเดียว ปลายงุ้มลง และเป็นปลายเปลือยเหมือนกันตั้งแต่ตัวเริ่มยันตัวท๊อป น่าจะใส่ปลอกสแตนเลสให้หน่อยเพื่อให้ดูสวยงามกว่าแบบนี้ ไม่สวยเลย
ตัวท๊อปมีเซ็นเซอร์กะระยะด้านท้าย 2 จุด แต่ไม่เป็นสีเดียวกับรถทั้งชิ้น กรอบนอกจะเป็นสีฟ้าออกขาวๆ เสียดายน่าจะทำให้เป็นสีเดียวกับรถทัั้งชิ้น น่าจะสวยกว่านี้
ห้องเก็บของท้ายรถ ขนาดเหมือนตัว 1.6G ปกติ แต่ตัวท๊อปจะให้ล้อขนาดแม็กซ์ขนาดมาตราฐานเหมือนล้ออื่น ซึ่งดีมาก ดีกว่าพวกน้ำยาอุดรูรั้วเยอะเลย
ส่วนของคานฝากระโปรงท้าย เป็นเหล็กเปลือยๆ ไม่มีพลาสติคมาหุ้ม เพื่้อให้ดูเรียบร้อย ดูเสียระดับหมด เพราะคู่แข่ง Civic ยังมีพลาสติคหุ้มมาเรียบร้อยดูดีกว่าเยอะ จุดนี้ลดต้นทุนไปหน่อย
มาดูกันใกล้ๆ จะเห็นได้ชัดว่าสายไฟที่หุ้ม Corrugate หรือท่อพลาสติคข้อๆนั้น ถูกยึดกับตัวยึดพลาสติคด้วยเทปพันไฟบางๆแค่นั้น ปกติรถทั้วไปจะเป็นพลาสติคที่ออกแบบเป็นชิ้นเดียวกับตัวยึดและรัดท่อสายไฟไว้ แบบนี้แอดมินถือว่าน่าเกลียดมากๆ และยึดไม่แน่นหนาเลยขยับยืดได้แล้ว ใช้ไปปีกว่าๆ เทปพันไฟก็น่าจะยืดขาดให้ท่อสายไฟห้อยโตงเตงเสียรถหมด จุดนี้ปรับปรุงด่วนด้วย อย่าลดต้นทุนน่าเกลียดกันแบบมักง่ายแบบนี้
มาต่อกันที่ภายใน ส่วนของภายในหลักๆจะเหมือนกันทุกเกรด แต่จะแตกต่างกันที่ออฟชั่นอุปกรณ์และการตบแต่งเล็กน้อย
แม้ทุกเกรดเบาะจะหุ้มหนังเหมือนกัน แต่แอดมินรู้สึกว่าตัวท๊อป เบาะหนังจะนุ่มกว่าเยอะแบบรู้สึกได้ ผิวสัมผัวของหนังดูนุ่มละมุนกว่า และตัวเบาะรองนั่งจะนั่งได้เต็มก้นมากกว่า ปีกเบาะดูช้อนต้นขาด้านข้างมากกว่า เบาะนั่งสบายกว่าตัว 1.6G เยอะ สงสัยต้องไปลองนั่งเทียบดูอีกที่
แผงประตูหน้าส่วนที่่แตกต่างจาก 1.6G นอกจากเป็นสีดำทั้งหมด ก็ในส่วนของมือจับไปยาวไปถึงส่วนใต้ที่ท้าวแขน ของ 1.6G จะเป็นพลาสติคสีดำด้านธรรมดา แต่ของตัวท๊อปจะเป็นพลาสติคสีดำเงาและตบแต่งของด้วยพลาสติคสีเงาด้าน ทำให้ดูดีมากขึ้น วัสุดหุ้มจะเป็นกัน บุนุ่มเดินด้ายจริงในส่วนด้านบนและส่วนที่ท้าวแขน
หน้าปัทม์ดูดีกว่าตัว 1.6G และ 1.8GR ที่โคตรโบราณแบบคนละเรื่อง ถือว่าได้ตบแต่งและเป็นจอ TFT ที่ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นนิดนึง แต่ในส่วนของเข็มอนาลอคแบบเดิม ก็ดูเชย ไม่เนียนเท่าของ Civic/Mazda 3 อยู่ดี เอาจริงแอดมินยังว่าดูเนียนสู้ Toyota Wish รถเมื่อ 16 ปีที่แล้วไม่ได้เลย ในส่วนของหน้าปัทม์ ความทันสมัยยังเป็นรองฮอนด้าอยู่เยอะ แต่ก็ดีขึ้นหน่อยที่ยังมี Head up display ที่กระจกหน้ามาเสริมไว้ (เอาจริงๆ หน้าปัทม์ความทันสมัยของ Denso ที่โตโยต้าเลือกใช้ ยังเทียบกับ Nippon Seiki ที่ฮอนด้าเลือกใช้ยังไม่ได้เลยสักรุ่น เหมือนดีไซน์ห่างไกลกัน 10 ปี)


ตัวท๊อปจะมีปุ่มปรับเกียวกับระบบ Active Safety ที่พวงมาลัยด้านขวา
ส่วนฝั่งซ้ายจะเหมือนกันทุกตัว ยกเว้น Limo
 ตัว Hybrid ปุ่มสตาร์ทเครื่องเป็นสีฟ้า
ในส่วนของฐานเกียร์และคอนโซลกลางนั้นออกแบบเรียบง่ายไปหน่อยเมื่อเทียบกับ civic แต่บางท่านอาจจะชอบ แต่ในส่วนที่แอดมินชี้เหมือนจะหุ้มหนัง แต่ในความเป็นจริงคอนโซลกลางทั้งชิ้นเป็นพลาสติคแข็งทั้งหมด จะมีแค่หนังหุ้มฐานเกียร์แค่นี้ วัสดุดูและการตบแต่งดูธรรมดา ดูจืดชืดไปหน่อยในส่วนนี้
คอนโซลหน้าส่วนบนทั้งหมดจะบุ่นุ่ม ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่แอดกดอยู่ หรือส่วนปีกเหนือหน้าปัทม์ก็บุ่นุ่ม แต่ไม่ได้หุ้มหนังนะครับ
ในส่วนปุ่มใต้พวงมาลัยด้านขวาที่มีมา 7 ช่อง แม้ขนาดตัวท๊อปก็ใช้งานแค่เพียง 3 ช่อง จากซ้าย ปุ่มรีเซ็ทลบยาง สำหรับระบบ TPMS ปุ่มเกือบขวาสุดเป็นปุ่มเปิด-ปิดระบบ Auto High Beam และปุ่มสุดเป็นปุ่มปรับระดับไฟหน้าตามสัญลักษณ์ที่เป็นสากล (แต่ก็อาจจะเป็นปุ่มปรับความสว่างหน้าปัทม์ก็ได้ ต้องลองใช้อีกที)
การออกแบบคอนโซลให้มีมุมแหลมยื่นออกแบบแบบนี้ เพื่อให้รับกับแผงประตู แต่การใช้งานจริงไม่เวิร์คเลย ปลายแหลมมันทิ่มเข่าเวลาเข้าไปนั่งในรถ แบบที่แอดมินเคยโดนตอนเข้าไปนั่งใน Lexus UX เลย โดนแล้วเจ็บจิ๊ดมากๆๆๆ
มาดูอีกมุมจะเห็นว่ามันแหลมยื่นออกมาชัดเจน จุดนี้ควรปรับปรุง
ที่บังแดดด้านหน้า มีกระจกและไฟส่องแต่งหน้าให้มาทั้่ง 2 ฝั่ง
เบาะหนังตัวท๊อปพับได้ 60:40 แบบในรูป พับส่วน 40% ต้องกดปุ่มบนเบาะ จากด้านในรถเท่านั้น
แผงประตูหลัง อันนี้คือสี่งที่ประเสริฐมาก (จากที่บอกว่าตัว 1.6G และ CHR ทุกรุ่น ด้านบนเป็นพลาสติคแข็งๆ และแอดมินก็ติมาตลอด) สำหรับตัว Altis (ยกเว้น Limo และ 1.6G) จะเป็นบุ่นุ่มและเดินตะเข็บด้ายจริง แม้จะไม่หุ้มหนังแบบจริงๆก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าปรับปรุง ไม่ทำให้เบาะหนังเป็นพลเมืองชั้น 2 อีกต่อไป จุดนี้ชมครับ โตโยต้าเลิกลดต้นทุนสักที และอย่าลืมไปใส่ใน Lexus UX ราคาเกือบ 3 ล้านด้วยนะครับ
 มาดูกันชัดๆ ว่าด้านบนบุ่นุ่มและเดินด้ายจริง ส่วนทีท้าวแขนหุ้มหนังเทียบและเดินด้านจริง

แต่ๆ การประกอบยังไม่ดี หรือแน่นหนามากนัก แค่เอามือดันเบาะ ก็เผยอแยกจากกันแล้ว รบกวนปรับปรุงด้วย ผิดมาตราฐานของโตโยต้า

         ส่วนที่ 2 ฟิลลิ่งหลังจากทดลองขับ 1.8 GR และ Hybrid High
            หลังจากได้ทดลองขับ ก็มีทั้งส่วนที่เกินคาด และแย่กว่าที่คาด
1.อัตราเร่ง
        ตัว 1.8 GR รู้สึกอืดกว่าตัวเก่าชัดเจนและเหมือนจะอืดกว่า CHR 1.8 นิดนึงด้วยซ้ำ และอืดกว่าตัว Esport เก่าแบบชัดเจน เกียร์ทำงานช้า ไม่จี๊ดจ๊าดแบบตัวเก่า คงเพราะเป็นการเซ็ทเพื่อเน้นให้ประหยัดน้ำมัน  อัตราเร่งดีกว่าตัว Hybrid นิดเดียว ไม่แตกต่างกันเหมือน CHR ที่ตัว 1.8 แรงกว่าตัวไฮบริดแบบรู้สึกได้ แต่ Altis ตัว 1.8GR เวลาเร่งจะรู้สึกรถเบาๆ ลอยกว่าตัว Hybrid  ตัวไฮบริดเวลาเร่งจะมีอารมณ์และเสียงแบบรถไฟฟ้าชัดเจน รวมแล้วอัตราเร่งถือว่าธรรมดาทั่วๆไป สำหรับ C-segment ทั้ง 2 ตัว
ความแรงยังถือว่าห่างไกลจาก Civic RS นักทั้งตัว 1.8 GRและ Hybrid High
อัตราเร่ง:  ดีมาก Civic RS >>1.8 Esport > 1.8GR = CHR 1.8 = Civic 1.8 > Altis Hybrird > CHR Hybrid ดีน้อย

2.พวงมาลัย
         ของตัว 1.8 GR พวงมาลัยจะรู้สึกเบากว่าตัว Hybrid แต่พวงมาลัยเวลาหักเลี้ยวจะคมกว่า Hybrid อัตราทดพอๆกัน เลี้ยวง่าย พวงมาลัยคมกว่าตัวเก่าทั้งคู่ แต่เหมือนจะเบากว่านิดๆ เวลาความเร็วต่ำ ถือว่าพวงมาลัยคมขึ้นกว่าตัวเก่า และเบากว่าที่ความเร็วต่ำ ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และเหมือนจะคมน้อยกว่า CHR นิดนึง แ
ความคมพวงมาลัย : ดีมาก Civic RS > CHR > 1.8 GR => Hybrid ดีน้อย

3.การทรงตัว
           ถ้ามองกันที่การทรงตัวดีขึ้นกว่าตัวเก่า แบบรู้สึกแน่นกว่า โคลงน้อยกว่า การโคลงตัวเวลาโยกเปลี่ยนเลนจะค่อยๆเป็นไปแบบสมูทกว่า และเอียงตัวน้อยกว่า CHR แบบชัดเจน การโคลงตัวเป็นกลางระหว่าง Camry และ CHR แต่เวลาโยกสลาลอมจะรู้สึกพริ้วกว่า คล่องตัวกว่า camry ชัดเจน และโคลงตัวน้อยกว่า CHR แบบคนละเรื่อง ช่วงล่างจะนิ่ม นุ่ม แต่ไม่เท่าแคมรี่ ที่จะรู้สึกแน่นกว่า Altis จะรู้สึกนิ่ม แน่น แต่มันรู้สึกเบาๆ แคมรี่จะรู้สึกหนักกว่าชัดเจน ขับแล้วรู้สึกมั่นใจกว่า CHR เยอะ และเข้าใกล้ Camry มากขึ้่นเยอะ
ความนิ่ม:ดีมาก Camry > Hybrid High > 1.8 GR >  CHR > Civic 1.8 > Esport > Civic RS ดีน้อย
ความแน่น :ดีมาก Camry > Hybrid High > 1.8 GR = Civic RS > CHR > Esport > Civic 1.8 ดีน้อย
ความโคลงตัวเวลาโค้ง : ดีมาก Camry < 1.8 GR= Civic RS < Hybrid high < CHR < Civic 1.8 ดีน้อย 

สรุป
        Altis ใหม่มีการปรับแต่งหน้าตาให้ดูดีทันสมัยมากกว่าตัวเก่า แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดสำหรับหน้า การตบแต่งภายในก็ดีกว่าตัวเก่าเยอะ แต่ก็ยังไม่ได้ลำหน้ากว่าคู่แข่งในตลาด แต่ก็มีการปรับปรุงวัสดุ บุ่นุ่ม หุ้มหนัง เดินตะเข็บด้ายจริงมากขึ้น ในส่วนนี้ถือว่าดีกว่าตัวเก่าแบบคนล่ะเรื่อง เครื่องเสียงมีให้ความทุ่มได้ดีกว่า Civic และ XV แต่กลาง แหลมไม่ต่างกัน รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบไฮบริดที่ทำราคาได้น่าคบมากขึ้น รวมทั้งการรับประกันที่ยาวนานมากขึ้น เพื่อความมั่นใจและสบายใจของผู้ใช้ ส่วนช่วงล่างและการขับขี่เปลี่ยนแปลงให้ขับขี่ได้สนุกมากกว่าเดิมเยอะ ทำให้คนที่ชอบขับรถสนุกๆหันมาสนใจ Altis มากขึ้น สำหรับ Gazoo Racing ที่มีในตัว GR sport ยังดูน้อยไปนิด เครื่องน่าจะแรงกว่านี้ และแรงกว่าตัวเก่า แบบเห็นได้ชัด ถึงจะเป็นการพัฒนาขึ้น จนแอดมินขอเปลี่ยนเป็นเรียกรุ่นว่า 1.8 GR ยังจะเหมาะสมกว่า เพราะยังขาดความเป็น sport อีกเยอะ ยังห่างไกลจากคู่แข่งที่เรียกว่า Sport ทั้ง Mazda 3 และ Civic RS ส่วนหน้าตาตัว 1.8 GR ควรปรับปรุงกระจังหน้าให้ดูดี sport กว่านี้ ชุดแต่งส่วนอื่นๆนะพอได้   สุดท้ายนี้แอดมินก็เชื่อว่า Corolla Altis ตัวใหม่จะดึงคนที่ไม่ค่อยสนใจจะใช้ Corolla มาก่อน เพราะขับขี่ไม่สนุก ได้หันมามองและมี Altis เป็นอีกนึงในตัวเลือก แบบแอดมิน


* สนใจติดตาม Drive Master Face Book Page ได้ทางลิ้ง : https://www.facebook.com/DriveMasterPage/?ref=bookmarks
 ** ทาง Drive Master ขอสงวนลิขสิทธ์ข้อมูลและเนื้อหา ห้ามนำเนื้อหาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งส่วนใดในเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Drive Master
 *** ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น