https://drivemasterpage.blogspot.com/

พาชม New Corolla Altis 1.6G 869,000 บาท ขวัญใจตัวจริงของคนทั่วไป และรถแท็กซี่

                   หลังจากที่ทางโตโยต้าได้ทำการเปิดตัว New Corolla Altis ไปเมื่อวันวาน 3ก.ย.2562
ก็ได้รับเสียงตอบรับดี ในเรื่องของราคาตัวไฮบริดที่ทำราคาได้น่าคบกว่ารุ่น CHR มาก และยังอัดแน่นไปด้วยออฟชั่นครบครันสำหรับตัวท๊อป Hytbrid High แต่สำหรับตัวเริ่มต้นและตัวอื่นๆ โดยทำการแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 6 เกรด ดังนี้
ข้อมูลจาก : Toyota.co.th
                    ในช่วงแรกตัวที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็น 1.8 GR 999,000 บาท และรองลงมาเป็นตัว Hybrid Mid 989,000 บาท ที่ราคาถูกกว่า 10,000 บาท แต่ได้ออฟชั่นใช้งานจริงมากกว่าหลายอย่าง
                                                                 ข้อมูลจาก : Toyota.co.th
สิ่งที่ Hybrid Mid 989,000 บาทได้มากกว่า 1.8 GR ได้แก่
+ แท่นชาร์จไร้สาย
+ ระบบเตือนมุมอับสายตาที่กระจก BSM
+ ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
+ หน้าปัทม์แสดงข้อมูลการขับขี่ 7 นิ้ว (1.8 GR 4.2 นิ้ว
                                                                  ข้อมูลจาก : Toyota.co.th
สิ่งที่ 1.8 GR 999,000 บาทได้มากกว่า ได้แก่
- Paddle shift
- ไฟตัดหมอก LED
- ชุดแต่งรอบคัน
- ล้อแม็กซ์ขนาด 17 นิ้ว
                  ทีนี้ก็อยู่ที่คนซื้อจะเลือกระหว่าง ตัว Hybrid Mid ที่เด่นเรื่องความประหยัดแบบชัดเจนเมื่อใช้ในเมือง และออฟชั่นความปลอดภัยแบบกลางๆ (ไม่จัดเต็มเหมือนตัวท๊อป Hybrid High) และได้สีฟ้า ซึ่งเป็นสีที่แอดมินชอบและมองว่าดูดีสำหรับรุ่นนี้ แต่ก็ต้องยอมรับกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่แพงกว่าเครื่อง 1.8 เยอะจนบางทีความประหยัดค่าน้ำมันที่ได้อาจไม่คุ้มกัน  ส่วนคนที่ซื้อ 1.8 GR ก็คือคนที่ไม่ชอบรถไฮบริดและต้องการหนาตาภายนอกที่แต่มาแบบครบๆคลีนๆดูดีกว่าการไปใส่ชุดแต่งเพิ่มเติมที่ทำให้เส้นสายของตัวถังดูเยอะเกินไปและไม่ต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียวกัน คนสายคลีนแต่งเนียนๆ เรียบร้อย ดูดีจะทราบดี และกำลังเป็นแนวที่นิยม สังเกตุได้จากชุดต่อกันชนหน้าและกันชนหลังที่ดูแนบและไม่หนาเทอะทะ (จริงๆกระจังสีเทา ก็แอบบไม่สวยและไม่คลีนในมุมมองของแอดมิน)
                 แต่หลังจากนั้นตัว Hybrid ก็จะขายได้น้อยลง ตัว 1.8 GR จะคงที่ และก็จะมีตัว 1.6G ที่เป็นยอดหลักที่แท้จริงของ Corolla มาตลอด ซึ่งมาจากคนใช้รถจริงๆส่วนใหญ่ ที่ต้องการรถที่มีขนาดใหญ่กว่า B-segment อย่าง Vios City  และยังต้องการรถที่ดูแลรักษาง่าย อะไหล่หาได้ง่ายและไม่แพง ในราคารถที่เอื้อมถึง ไม่เป็นภาระในการผ่อนเกินไป (แม้จริงๆ อะไหล่ตัว 1.8 ก็เริ่มแพงมากกว่าเดิมเยอะตั้งแต่ตัวเก่า ที่ Taxi เริ่มบ่นๆกัน ไม่ว่าจะเป็นหัวเทียน หัวฉีด เกียร์ และอะไหล่อื่นๆ ที่จะเริ่มเปลี่ยนกันเมื่อรถวิ่งไปเกินแสน) ดังนั้นแอดมินจะพามาชม Corolla Altis 1.6G ตัวเป็นๆ ว่าเป็นยังไง
                                                              ข้อมูลจาก : Toyota.co.th
มีสีให้เลือก 6 สี ตามรูปด้านบน
 ด้านหน้ากระจังเป็นสีดำ ตบแต่งด้วยแถบโครเมียม กันชนหน้าตะแกรงสีดำสนิท กรอบไฟตัดหมอกเป็นพลาสติคสีดำ ไม่มีไฟตัดหมอกแต่มีเบ้าสำหรับถอดออกและใส่ไฟตัดหมอกได้
ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์สีเหลืองเป็นหลอดฮาโลเจนปกติ มีไฟเลี้ยวอยู่ตรงกลาง และมีไฟส่องสว่างเวลากลางวันเป็น LED ขนาดเล็กมากๆ 2 ดวง (มีแค่ 2 ดวงก็ขายว่ามี DRL เป็น LED ได้แล้วนะจ๊ะ) ไฟหน้าเป็นแบบสีพลาสติคสีดำ ลดต้นทุน และเพิ่มแถบโครเมียมตบแต่งมา 3 ชิ้นใต้ไฟแต่ละชุด

 ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นก้อนโฟมสีดำอยู่หลังกันชน ทำหน้าทีเป็นคานกันกระแทก ไม่ใช้คานเหล็ก
ชายล่างด้านข้างตัวถังออกแบบเป็นสเกริต์มาในตัว เรียบง่าย สวยงามดี

 ด้านท้าย จะมีไฟท้าย มีแถบโครเมียมลากตั้งแต่ใต้ชุุดไฟท้ายผ่านลากยกมาบนกรอบทะเบียนและจรดใต้ไฟท้ายอีกข้าง แยกเป็น 3 ชิ้น 2 ชิ้นมากับไฟท้าย อีกชิ้นเป็นชุดเหนือกรอบทะเบียน มีไฟทับทิมที่กันชน มุมนี้ถือว่าดูลงตัวดี
มุมมองด้านท้ายตรงๆจริงๆ จะดูแคบและลีบมากกว่าที่คิด เนื่องจากการออกแบบด้านข้างตัวถังตั้งแต่เสา C มายังด้านท้าย จะตอบลีบเข้ามา ทำให้ท้ายดูเล็กกว่าตัวปัจจุบัน

ไฟท้ายภาพลักษณ์เหมือนจะเป็น LED แต่จริงๆเป็น LED แค่ไฟหรี่ แต่ไฟเบรค ไฟเลี้ยว ไฟถอยเป็นหลอดแก้วธรรมดาทั้งหมด

มือจับประตูเป็นโครเมียมแม้แต่รุ่นล่าง

กระจกมองข้าง มีไฟเลี้ยวขนาดเล็กที่ปลายกระจกข้าง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นหลอดขั้วธรรมดา หรือหลอด LED แต่แอดมินเดาว่าเป็นหลอดธรรมดา เพราะในสเปคบอกว่าเป็นกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ถ้าเป็นหลอด LED ทางโตโยต้าไม่พลาดคำว่า LED แน่นอน

ล้อแม็กซ์สำหรับ เกรด Hybrid Mid, Hybrid Entry และ 1.6G เป็นล้อ 16 นิ้่วทัี้งหมด

ยางเป็นยาง Bridestone  Ecopia EP150 ซึ่งเป็นรถเน้นลดค่าแรงต้านทานต่ำ (Low RRC) เพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำมัน แต่ประสิทธิภาพการเกาะก็จะกลางๆค่อนไปทางล่าง ขนาด 205/55 R16  ใครที่เน้นขับเร็ว เข้าโค้งหนัก แอดมินคิดว่าควรต้องเปลี่ยนเป็นรถที่เน้น performance

ภายในเป็นสีดำและเบจ ที่ค่อนข้างเปรอะง่าย ต้องดูแลเยอะ แต่ก็ช่วยให้ห้องโดยสารสว่างและโปร่งตา
และตบแต่งแซมด้วยแถบพลาสิคสีอลูมิเนียมด้าน

พวงมาลัยทรงเรียบง่าย แต่ทำการหุ้มหนังมาเรียบร้อย ไม่ใช้ยูรีเทนแบบเมื่อก่อน พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่ด้านซ้าย


 ชุดควบคุมเครื่องเสียงโดดเด่นขึ้นมากลางชุดคอนโซลชัดเจน จนบางทีมองขัดๆ เกะกะสายตาเหมือนกัน
ชุดเครื่องเสียงเหมือนแบบสัมผัสจอใหญ่ แต่ความจริงเป็นแบบจอเล็กๆ และกดปุ่มธรรมดาเลย  ไม่ใช้แบบสัมผัสใดๆ มีช่องใส่ CD มาให้ พร้อมต่อ Bluetooth ฟังเพลงและต่อโทรศัพท์ได้

 คันเกียร์เป็นแบบธรรมดา แต่มาพร้อมโหมดโยก + - ต่ำแหน่งเกียร์ และมีปุ่มปิดระบบควบคุมการทรงตัวมาให้ด้านหน้าของเกียร์ และเบรคมือเป็นแบบปกติที่ใช้งานได้ง่ายทันใจกว่าแบบไฟฟ้าเยอะ แต่ก็จะไม่มีระบบช่วยเบรคเวลารถติดมาให้
หน้าปัทม์เป็นแบบโคตรโบราณมากๆ เหมือนหน้าปัทม์ยุค 2000 ในความคิดของแอดมิน แต่ก็ยังดีกว่าแผ่นพลาสติคพ่นสีเรียบๆ แบบวีออส และยังดีที่มีจอขนาดเล็กๆมาให้่ที่ด้านขวา


การออกแบบหน้าปัทม์ ช่องแอร์ กรอบหน้าปัทม์ พวงมาลัย ดูมีมิติสวยงามดีในมุมนี้

 จากมุมมองนี้จะเห็นว่ามีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์มาให้เรียบร้อยตั้งแต่รุ่นล่าง

 คอนโซลหน้ามุมมองฝั่งคนนั่ง ไม่เบียดขา แต่ก็ดูยกสูงไปนิด ตามสไตล์ของ Altis มาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ
แต่ส่วนที่เป็นสีเบจทำการบุนุ่มมาให้เรียบร้อยดีงาม
มาดูกันใกล้ ด้านบนตบแต่งด้วยแถบพลาสิคทำสีเงินด้าน และส่วนที่คั่นระหว่าแถบสีเงินและคอนโซลสีเบจ เป็นพลาสิคพ่นดำเงา อารมณ์ Piano Black
เบาะหน้าเป็นสีทูโทน สีน้ำตาลและเบจ ลวดลายตัวเย็บดูดีใช้ได้ แต่แอดมินไม่ค่อยชอบเบาะสีทูโทนแบบนี้

แผงประตูด้านบนสีเบจทำการหุ้มหนัง บุนุ่มมาเรียบร้อย แถมมีการเดินด้านสีขาวจริงที่ขอบล่างของสีเบจ ใจปล้ำผิดวิสัยโตโยต้า

มาดูกันชัดๆ และในส่วนที่ท้าวแขนที่แผงประตู ก็ทำการหุ้มหนังสีน้ำตาลบุนุ่มเดินด้ายจริงมาเรียบร้อยสวยงาม จุดนี้ต้องชมจริงๆ แต่อย่าเพิ่งดีใจไปครับคุณผู้อ่าน รอดูประตูหลัง


ที่บังแดดด้านหน้า มีกระจกแต่งหน้ามาให้ทั้ง 2 ฝั่ง ไม่มีไฟส่อง แต่มีไฟส่องแผ่นที่มาให้


ใต้คอนโซลกลางไม่มีช่อง ACC หรือ USB ใดๆ แต่ย้ายมาอยู่ในกล่องที่ท้าวแขนตรงกลาง แค่อย่างละ 1 ชุด ซึ่งแอดมินว่าน้อยเกินไป และเวลาใช้งานไม่สะดวก (ในสเปคบอกมีที่ใต้คอนโซลกลางแต่แอดมินหาไม่เจอ)

พื้นที่ด้านหลัง กว้างขวางตามสไตล์ของ Corolla  ตัวฐานเบาะยกสูง รองรับส่วนน่องได้ดีเวลานั่ง

 เบาะหลังก็เป็นแบบทูโทนเช่นกัน แปลกตาดี แต่บางมุมก็คล้ายเวลาที่รถ Taxi หุ้มหนัง 2 สีเหมือนกัน
ตัวเบาะรองนั่งส่วนที่สัมผัสน่าจะเป็นหนังแท้แบบเจาะรูพรุนช่วยระบายอากาศมาเรียบร้อย อารมณ์เหมือนเบาะแคมรี่เลย จุดนี้เยี่ยม

 มาดูพื้นที่ว่างขอเพียงพอ แม้จะสั้นกว่า Civic ไปนิดหน่อย แต่ก็โอเคร สำหรับคนสูง 170 แบบแอดมิน
 ตัวล่างก็มีช่องแอร์ด้านหลังมาให้เรียบร้อย น่าชื่นชม เหมาะกับประเทศอากาศร้อนแบบเราที่สุด
มาถึงจุดไฮไลท์ ที่แอดมินเพิ่งชมแผงประตูหน้าไปว่าหุ้มหนังเดินด้านสวยงามในส่วนที่เป็นสีเบจ แต่ประตูหลังเป็นพลาสิคแข็งทำสีเบจนะจ๊ะ ยังดีที่ในส่วนที่ท้าวแขนสีน้ำตาลเข้ายังบุนุ่มมาให้อยู่ พอๆกันตั้งแต่ Toyota Corolla ราคาแปดแสนกว่า ยัน Lexus UX ราคาสามล้านกว่าก็เป็นแบบนี้ และทั้งคู่ก็ยังดูดีกว่า CHR อยู่ดี
                 เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับรูปภาพและข้อมูลเท่าที่แอดมินจะเก็บมาได้มากที่สุด แม้สถานที่และเวลาจะจำกัดก็ตาม ถ้าได้มีโอกาสเจอเกรดอื่นๆ หรือได้ลองขับ แอดมินจะมารีวิวอีกครั้งนะครับ



                                                                     ข้อมูลจาก : Toyota.co.th


สนใจติดตาม Drive Master Face Book Page ได้ทางลิ้ง : https://www.facebook.com/DriveMasterPage/?ref=bookmarks ทาง Drive Master ขอสงวนลิขสิทธ์ข้อมูลและเนื้อหา ห้ามนำเนื้อหาหรือส่วนใดส่วนหนึ่งส่วนใดในเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก Drive Master ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ฝากกด Like กด Share กด Follow ในเพจ Facebook ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น